วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เขาหักหลังเรา...สัมภาษณ์พิเศษ "หลวงปู่พุทธะอิสระ"

เขาหักหลังเรา
"ไทยโพสต์ แทบลอยด์" ได้กราบนมัสการขอสัมภาษณ์พิเศษ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม ถึงความเป็นมาของปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวเรื่องปฏิรูปพลังงานของหลวงปู่นับจากนี้ไป นั่งสัมภาษณ์กันที่กระท่อมปลายนาภายในวัดอ้อน้อย โดย “หลวงปู่” อดีตผู้นำเวที http://www.thaipost.net/tabloid/051014/97126



จัด ไปแล้วสองครั้งสำหรับ เวที "ถาม-ตอบ พลังงาน" เพื่อเสนอแนะทิศทางพลังงานของประเทศ ที่สโมสรทหารบก แต่ผลที่ออกมาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และยิ่งทำให้เห็นชัดว่า ภาคประชาชนที่ต่อสู้เรื่องพลังงาน กับฝ่ายผู้บริหารในบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน คงยากที่จะคุยกันได้ จนทำให้หลายคนเริ่มมองว่า มีแนวโน้มว่าการปฏิรูปพลังงานโดยเฉพาะที่จะทำผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ ( สปช.) คงเกิดปัญหาการขับเคลื่อนพอสมควร 
นอกจากความล้มเหลวดังกล่าวแล้ว ยังทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นอย่างชัดเจนในกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่อง ปฏิรูปพลังงานด้วยกันเอง เมื่อฝ่ายภาคประชาชน เช่น รสนา โตสิตระกูล, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, วีระ สมความคิด กับ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ที่เป็นผู้ดำเนินรายการบนเวทีดังกล่าว สถานภาพ ณ ตอนนี้ถึงขั้นประกาศแยกทางกันเดินเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้น "ไทยโพสต์ แทบลอยด์" ได้กราบนมัสการขอสัมภาษณ์พิเศษ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม ถึงความเป็นมาของปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวเรื่องปฏิรูปพลังงานของหลวงปู่นับจากนี้ไป
นั่ง สัมภาษณ์กันที่กระท่อมปลายนาภายในวัดอ้อน้อย  โดย “หลวงปู่” อดีตผู้นำเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ ระบุว่าต่อจากนี้แยกทางกันเดิน เลิกคบกับฝ่ายตัวแทนภาคประชาชนดังกล่าวแล้ว เพราะรับไม่ได้ที่ผิดข้อตกลงที่ทำกันไว้ก่อนขึ้นเวที หลังจากนี้จะขอเคลื่อนไหวเพียงลำพังกับมวลชนของตัวเอง เพื่อจัดทำข้อเสนอปฏิรูปพลังงานเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ สปช.ในไม่ช้า โดยเชื่อว่าเมื่อเสนอไปแล้ว ข้อเสนอทั้งหลายน่าจะได้รับการตอบรับ
“หลวงปู่” เท้าความให้ฟังว่า ก่อนหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะขึ้นเวทีดังกล่าว ได้ขอให้ตัวแทนภาคประชาชนส่งคำถามมาให้ดูก่อนที่จะขึ้นเวที รวมถึงได้กำหนดทิศทางการเสวนาไว้ก่อนแล้วว่า ประเด็นที่จะนำไปคุยจะเอาเฉพาะเรื่องที่จะชี้ให้เห็นถึงทิศทางพลังงานของ ประเทศ จะไม่ใช้เวทีนี้สำหรับการกำจัดศัตรู เพราะไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แล้วก็จะไม่ใช้เวทีนี้ในการไปซักฟอกหาคนถูกคนผิด ถ้าถูกผิดให้ไปว่ากันในชั้นศาลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ช.หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แต่เมื่อวันนี้เรากำลังจะมีปัญหาเรื่องพลังงานโดยเฉพาะเรื่องฟอสซิล หลายประเทศทั่วโลกก็พูดตรงกันว่ามันกำลังจะหมดไปภายในเวลาอีกไม่นาน แต่ประเทศไทยก็ยังยืนกระต่ายขาเดียว โดยเฉพาะคนกลุ่มนี้ว่าประเทศไทยยังมีให้ได้ใช้อีกเป็น 100 ปี อันนี้เขาอ้างว่าแบบนั้น เราก็พยายามให้เขาถามประเด็นนี้
...แต่เขาก็ไม่ ยอมถามบนเวที เราก็แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ยอมถาม ทั้งที่สองครั้งที่ผ่านมาเราพยายามดันและหนุนว่า ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี (นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน)  ที่คุณไปอ้างบนเวทีอื่นๆ ว่ามีใช้ได้อีกเป็นร้อยปี ทำไมคุณไม่ยอมถาม สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมถาม มัวแต่ไปถามเรื่องมุดท่อ ลงท่อ มัวไปไล่ทวงถามเรื่องท่อ เราก็บอกไปเลยว่าเมื่อเถียงกันแล้วหาข้อยุติไม่ได้แล้วเถียงกันทำไม ก็เอาสิ่งที่หาข้อยุติได้และเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้ไหม และสามารถนำพาทิศทางพลังงานของบ้านเมืองให้ได้ ซึ่งภาคประชาชนเขารอเราอยู่ แล้วทางมนูญ ศิริวรรณ (นักวิชาการอิสระด้านพลังงานและอดีตผู้บริหารบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด)   กับภาคผลประโยชน์พลังงานเขาทำแผนของเขาสำเร็จแล้ว  เขาไม่ทะเลาะแล้ว แต่ฝ่ายภาคประชาชนก็ยังไม่จบเสียที พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังโวยว่าแบบนี้อีกร้อยครั้งก็ไม่จบเพราะมัวแต่ทะเลาะกัน
“ผู้ดำเนิน รายการเวทีเสวนาพลังงาน” ทั้งสองครั้ง กล่าวต่อไปว่า ไอ้ประโยชน์ที่จะได้ข้างหน้าไม่ไป มัวแต่ย่ำอยู่กับที่ในความผิดของนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ (ประธานกรรมการ บมจ.ปตท.) ถึงขนาดครั้งสุดท้าย ฉันมีพยานยืนยันว่าคำถามก่อนขึ้นเวที เขาส่งมาให้ฉันมี 7 ฉบับ ที่มี 7  ฉบับเพราะเขาส่งมาแล้ว ฉันตีกลับ ฉบับสุดท้ายก่อนขึ้นเวที ส่งมาในเวลาที่กำหนดเลย คือวันที่ 22 ก.ย. เวลา 19.00 น.  เดิมตกลงกันว่าต้องส่งคำถามทั้งหมดภายในวันที่ 16 ก.ย.  แต่ต้องตีกลับไปกลับมาเพราะส่งมาแล้วมันไม่ตรงกับสิ่งที่เราตกลงกันไว้ในที่ ประชุมวัดอ้อน้อย ว่าเราจะถามเพื่อไม่ให้เกิดวิวาทะ แต่เขาก็มาสร้างวิวาทะจนได้ มีการมายัดไส้  เพราะคำถามแรกที่เขาส่งมาให้ฉัน คือถามเรื่องการให้สัญญาและสัมปทานในการผลิตปิโตรเลียม นี่คือคำถามแรกที่เขาควรจะถาม แล้วคนที่ต้องถามก็คือ ม.ล.กรกสิวัฒน์ กับคุณรสนา แต่คำถามแรกที่เขาถามบนเวทีคืออะไร-ก็เรื่องท่อ
"แล้วอย่าง นี้ถือว่าเขาหักหลังใช่ไหม เขาโกหกฉัน  เขาหักหลังฉัน เขายัดไส้ให้ฉัน แล้ว ม.ล.กรกสิวัฒน์ก็ไม่ได้ถาม แต่ไปเอาคุณอิฐบูรณ์ (อิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค) มา   ข้อตกลงเดิมบนเวทีวัดอ้อน้อยก่อนไปขึ้นเวทีใหญ่ เราตกลงกันแม้กระทั่งว่า คนที่ไม่มาประชุมกันที่วัดก่อนจะไม่มีสิทธิ์ขึ้นเวทีด้วยซ้ำ จะได้ไม่เอาอะไรมาสร้างวิวาทะ  แต่สุดท้ายเขาก็ขึ้นมา เราก็เออไม่เป็นไร ก็คิดว่าเอออาจจะมีอะไรที่ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เพราะเขาสู้เรื่องนี้มานานกว่าเรา แต่สุดท้ายก็มาเรื่องท่ออยู่ดี  แล้วเราก็เตือนก่อนที่จะเริ่มต้น เสวนาว่ามีเวลาแค่ 2  ชั่วโมงเศษๆ ควรเลือกคำถามที่มันเป็นประโยชน์ แต่สุดท้ายเขาก็หักหลังเรา”
    ถามหลวงปู่ว่า ตอนที่คุยกับฝ่ายภาคประชาชน ได้ถามไปหรือไม่ว่าทำไมถึงเลือกแต่ประเด็นคำถามลักษณะเช่นนี้ "หลวงปู่" ตอบว่า สังคมก็คงมองออกก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ส่งแค่นี้ แต่เขาส่งเรื่องมหากาพย์ปิยสวัสดิ์กับพวกที่ปล้นบ้านเมือง ฉันก็โทร.ไปหา พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี (ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ) ว่าทำไมยังส่งของเก่าเน่าๆ แบบนี้ ของที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาอีก  คุณหมอก็บอกว่า ถ้าไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้ มันก็ไม่สามารถพัฒนาพลังงานได้
...ดูวิธีคิดของเขา ก็เลยบอกไปว่าถ้าต้องการเอาคนผิด  ทำไมมาใช้เวทีสาธารณะ ทำไมไม่เอาหลักฐานไปฟ้องร้องกล่าวโทษต่อสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน สตง. ไม่ก็แจ้งความฟ้องศาล ทำไมไม่ทำ แต่มาใช้เวทีสาธารณะแล้วมาบอกว่าที่เสวนากันมาสองครั้ง ฉันเอื้อให้คุณปิยสวัสดิ์ได้ประโยชน์ ถึงแม้เขาไม่ได้พูดถึงฉัน แต่มันก็เป็นที่รู้กันทั้งประเทศว่าฉันเป็นคนทำ
"ฉันรู้ว่าสิ่งที่เขาทำ เขาเอาความแค้นส่วนตัวมาใช้ทำผ่านเวทีสาธารณะ กลุ่มพวกนี้พยายามจะเอาฉันมาเป็นเครื่องมือในการชำระแค้นอีกฝ่ายหนึ่ง ฉันรู้สึกอย่างนั้น"
ก่อนหน้าการสัมภาษณ์ หลวงปู่เพิ่งจัดเวทีเสวนาเรื่องทิศทางพลังงานแบบวงย่อย ที่วัดอ้อน้อยตลอดทั้งวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนผู้สนใจเรื่องพลังงานมาร่วมเสวนา รวมถึงตัวแทนของฝ่ายกระทรวงพลังงานและบริษัท  ปตท.ฯ อีกส่วนหนึ่ง
เมื่อ คุยกันในเรื่องความเคลื่อนไหวเรื่องพลังงาน หลวงปู่กับตัวแทนภาคประชาชน ต่อจากนี้จะแยกทางกันเดินหรือไม่ "เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย" ให้ความชัดเจนถึงคำถามนี้ว่า  ก็ไม่รู้ว่าภาคประชาชนไหน แต่คนที่มาอยู่กับฉัน ที่มาจากเวทีแจ้งวัฒนะ เราก็ยังจับมือกันต่อสู้เพื่อบ้านเมืองต่อไป แต่ภาคประชาชนไหนไม่รู้ เพราะถ้ามีหูแค่หูเดียว แล้วมีหัวแค่ซีกเดียว อย่ามาสู้ด้วยกันเลย ฉันเหนื่อย แม้เหลือฉันคนเดียวก็จะสู้ แต่หากคิดทุกเรื่องที่เข้ามาด้วยหูสองหู แบบนั้นก็เข้ามาเถอะ
อย่างตอน ที่จัดเวทีเมื่อ 30 ก.ย. ก็ยังมีหน้าม้ามาถามเรื่องท่อก๊าซอีก ฉันก็เลยบอกว่าให้เลิกพอ ถามมาสองรอบแล้วไม่ได้เรื่องอะไร แล้วยังมาทำเวทีนี้ให้เสียหายอีก แค่เขาเอ่ยปากว่าต้องคว่ำปิยสวัสดิ์กับพวกให้ได้ ฉันก็รู้แล้วว่าวิธีคิดของเขามันไม่ตรง ในทุกคำถามที่เขาตั้งก็เพื่อจะคว่ำ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ แค่นี้ก็ไม่เอาด้วยแล้ว ไม่อยากเสวนาด้วย
…เวทีต่อ ไปจะจัดกันที่วัดอ้อน้อยเป็นหลัก รูปแบบก็คือประชุมชาวบ้าน ให้แต่ละคนเสนอแนวคิดต่างๆ ออกมา ให้แต่ละคนซักถามกันเอง เพื่อให้ชี้ทิศทางพลังงานได้ และอย่าได้ลีลาอย่าหาเสียงอย่างที่เวที พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าคำถามที่ถามไม่ได้สร้างประโยชน์ แต่ก็ยังลีลากัน ฉันพูดความจริงในสิ่งที่ต้องเดินไปข้างหน้า เราไม่เอาบุคคลเป็นที่ตั้ง เราเอาผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง
"ฉันไม่สนใจหรอก ได้ประกาศไปแล้วว่าหากคุณคิดว่าวิธีที่คุณสู้เรื่องนี้มาสิบปี แล้วจะเอาคนผิดมาลงโทษ แล้วจ้องจะเป็นฮีโรบนซากศพคนอื่น แล้วคิดว่าชาติบ้านเมืองจะได้ประโยชน์ คุณก็สู้ของคุณไป"
….แต่ฉันสู้ใน วิถีแบบที่เวทีแจ้งวัฒนะ คือคุยกับคนทุกคน ตลอดหลายเดือนที่เวทีแจ้งวัฒนะไม่มีใครที่ฉันไม่คุย แม้แต่กับสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็คุย เพราะเชื่อว่าการพูดคุยมันนำมาซึ่งความเข้าใจกัน แล้วจะได้รู้ว่าข้อเท็จจริงและการแก้ปัญหาต้องทำอย่างไร การพูดคุยมันนำมาซึ่งความเข้าใจ ไม่ใช่มาสร้างการเป็นฮีโรบนการเอาชนะคะคานบนซากศพอีกฝ่ายหนึ่ง มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
- ภาคประชาชนควรทบทวนการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างไร?
ฉัน ไม่กล้าไปบอกให้เขาทบทวน แต่อยากถามว่าฝ่ายคุณสู้มากี่ปีแล้ว ให้คำตอบอะไรกับบ้านเมืองบ้าง คุณสามารถเอาคนที่คุณบอกว่าโกงบ้านโกงเมืองติดคุกได้หรือยัง ทำกันมาเป็นสิบปีแล้วแต่ละคน แล้วอะไรคือคำตอบพลังงานของชาติ บ้านเมืองนี้ต้องรอให้คุณมาสร้างวิวาทะ แล้วจะเดินหน้าไปได้หรือ ฉันคิดไม่เหมือนเขา เลยบอกไม่เอา เลิกคบ
เขาก็พยายามให้คนโทร.มาหา หมอกมลพรรณก็พยายามโทร.มา ฉันก็ไม่รับสาย ตอนหลังเขาก็มาเอง แล้วยังมาเสนอเรื่องท่อก๊าซอีก ก็บอกหยุด บอกให้มานั่งก็บุญแล้ว ไม่ไล่ออกไป
ฉันไม่เข้าใจเขา มันไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย ไม่เดินไปไหนเลย เราประชุมกันที่วัดอ้อน้อยแค่ 2 ชั่วโมงยังได้บทสรุปตั้งหลายเรื่อง ซึ่งมีทั้งข้อเสนอที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ที่ยังไม่ได้เพราะต้องรอผู้รู้จริงมาตอบ เช่นที่เราถามว่า เมื่อจะปล่อยก๊าซลอยตัว แล้วทำไมไม่หาทางออกให้คนจน  รัฐจะเยียวยาอย่างไร เขาก็บอกว่าจะช่วยโดยใช้บิลค่าไฟฟ้าเป็นตัวกำหนด ฉันก็บอกว่า ปตท.ได้กำไรมหาศาล ปตท.ก็ช่วยประชาชนโดยลดกำไรในส่วนของคุณไปโปะให้ภาคครัวเรือน คือให้คนเขาซื้อในราคาเช่นกิโลกรัมละ 50 สตางค์  หรือ 1 บาททำได้ไหม เขาก็บอกว่าจะรับไปปรึกษากันดูก่อน
อย่างน้อยที่คุยกันแบบไม่ได้มองว่า เป็นศัตรูกัน มันก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ ก็ลองไปทำให้ฉันดู จะได้ยืนยันว่าที่อีกฝ่ายหนึ่งพยายามสร้างวิวาทะเพื่อเข่นฆ่าให้ล้มตายไป มันแก้ปัญหาไม่ได้ คุณต้องพิสูจน์ให้สังคมดู คุณก็ไปลดราคาก๊าซมาเลย ฉันก็ขอร้องเขา ทางเขาก็บอกขอไปปรึกษากันดูก่อน 
หรือที่ฉันถามเขาว่า เป็นความจริงไหมที่นักต่อสู้เรื่องพลังงานในประเทศบอกกันว่า พลังงานในประเทศยังมีเหลือเฟืออีกเป็นร้อยปี ก็มีรองอธิบดีคนหนึ่งที่อยู่ในกระทรวงพลังงานก็ตอบทันทีว่าไม่จริง โดยบอกว่าที่พูดกันนั้น ไปเอาข้อมูลที่เป็นข้อมูลดาวเทียมที่สหรัฐอเมริกาที่เป็นภาพถ่ายใหญ่ โดยเขายกตัวอย่างว่า ภาพดาวเทียมธนาคารหลังใหญ่ๆ ก็ไม่ได้หมายถึงว่าในธนาคารจะมีเงิน หากยังไม่ได้เข้าไปดูที่ธนาคาร แล้วก็ยืนยันว่าเป็นข้อมูลทางโครงสร้าง ไม่ใช่ข้อมูลเชิงปริมาณ แต่ ม.ล.กรกสิวัฒน์กับพวกไปเอาข้อมูลโครงสร้างไปประกาศ ให้คนทั้งแผ่นดินรู้ไปว่าพลังงานในประเทศมีอีกมหาศาล ใช้อีกร้อยปีก็ไม่หมด แล้วก็ไปบอกว่า ปตท.เอาเปรียบประชาชน เพราะเอาพลังงานที่มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษไปใช้ นี่คือวิธีที่เขาออกไปพูดแล้วทำให้พวกเราเชื่อ ตอนที่อยู่เวทีแจ้งวัฒนะ ฉันก็ยังเชื่อไปกับเขา  แต่ทำไปทำมาก็มีนักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์ฯ และบุคคลที่กล่าวอ้างตัวเองว่าเป็นพี่สาวของ ม.ล.กรกสิวัฒน์ ที่รูปร่างสูงใหญ่ อ้วน ท้วม และอ้างว่าตัวเองทำงานอยู่ในกระทรวงพลังงาน แล้วมาบอกว่า ม.ล.กรกสิวัฒน์พูดไม่จริง เราฟังแล้วก็ฉุกใจคิด แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง เราก็ไม่รู้ว่าพี่สาวของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เขาบอกว่าเป็นพี่สาว
…เรา ก็เชิญอดีตผู้ว่าฯ ปตท. อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน อธิบดีและอดีตอธิบดีในกระทรวง เขาก็มานั่งคุยแล้วบอกว่าทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง แล้วฉันจะเชื่อใครดี เมื่อไม่เชื่อทั้งสองฝ่ายก็เป็นที่มาในการจัดเวทีหาข้อเท็จจริง เราก็พยายามผลักดันให้เขาถามคำถามเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ถามเลยสักคำ
วัน ที่ 30 ก.ย.ที่จัดกันที่วัดอ้อน้อย ก็เลยถามเองเลย ก็ได้คำตอบจากฝ่ายกระทรวงพลังงานแบบทุบโต๊ะเลยว่า ไม่จริง ไม่มี ถ้าหากว่าจริงเขายอมรับผิดชอบ เขาบอกว่าไม่ได้มีมากขนาดนั้น สิ่งที่อีกฝ่ายพูดโดยอ้างจีพีเอสและดาวเทียม  มันเป็นความรู้เชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ความรู้เชิงปริมาณ แล้วข้อมูลเหล่านี้จะเอามาเป็นข้อมูลยืนยันความถูกผิดไม่ได้
"คือเขาพูด ความจริงแค่ครึ่งหน้า แต่อีกครึ่งหน้าเขาก็ไม่ได้เอามาพูด ฉันก็เลยรู้สึกว่าเขาสู้ยังไง ก็คือสู้โดยอาศัยเวทีเราไปกำจัดศัตรูของเขา เพราะฉันมีเอกสารที่ยืนยันได้ อันเป็นเอกสารที่เขาส่งมาที่บอกว่ามหากาพย์ปิยสวัสดิ์กับ ปตท. มุมมองที่เขามองฝ่าย ปตท. เขามอง ปตท.เป็นศัตรูมาตลอดอยู่แล้ว เขาไม่ได้คุยกันเพื่อหาข้อยุติและหาความก้าวหน้าของพลังงาน เขาจึงโกหกฉันในการไปตั้งประเด็นคำถาม หลอกเรา"
 อย่างตอนอยู่บนเวที คนก็ถามแล้วทำไมไม่ปิดไมค์หรือไล่เขาลง ก็เพราะความที่เราเป็นพระเราก็เกรงใจ ต้องให้เกียรติเขา แต่สุดท้ายเขาก็มาตลบหลังเรา ถามว่าทำไมต้องมีถึง 7 ฉบับ (ข้อตกลงคำถาม) ทำไมฉบับที่ 1 ไม่ได้ ทำไมฉบับที่ 2 ไม่ได้ ก็เพราะที่ส่งมามันไม่ตรงกับข้อตกลงที่เราประชุม เราก็เลยต้องให้ถึง 7 ฉบับ
“หลวง ปู่พุทธะอิสระ” ย้ำว่า เวทีเสวนากลุ่มย่อยแบบที่จัดขึ้นที่วัดอ้อน้อย ประสบความสำเร็จมากกว่าเวทีสองครั้งที่สโมสรทหารบก ได้ข้อสรุปหลายเรื่อง จึงเป็นคำตอบว่าต้องเดินหน้าจัดเวทีลักษณะเช่นนี้ต่อไปในวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งคาดว่าหลายคำถามที่ ปตท.และกระทรวงพลังงานยังตอบให้ไม่ได้ ก็น่าจะได้คำตอบอีกไม่นาน
…จนถึงตอนนี้ จากการที่จัดเสวนาเวทีวัดอ้อน้อยเมื่อ 30 ก.ย.ก็ได้ความคืบหน้าหลายเรื่อง แต่ก็มีบางเรื่องที่ฝ่ายกระทรวงพลังงานยังไม่สามารถหาเอกสารหรือคำตอบมายืน ยันได้ เช่น ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปากหลุม ก่อนบวกค่าบริการ ค่าผลิต ค่าภาษี อยู่ที่เท่าใด แล้วขายแล้วได้กำไรเท่าไหร่ เขาก็บอกจะไปหาคำตอบมาให้ เขาก็ต้องตอบมาให้ได้ หรือที่เราถามไปว่า ปตท.ใช้พลังงานในประเทศกว่า 70  เปอร์เซ็นต์ ปตท.แบ่งกำไรให้รัฐ 67 เปอร์เซ็นต์แล้ว และเสียค่าภาษีอะไรต่างๆ แล้ว ปีหนึ่งๆ กำไรเป็นแสนล้านบาท เป็นเรื่องจริงไหม แสนล้านบาทที่ได้กำไร ได้จากภายในประเทศทั้งหมด หรือรวมการไปลงทุนในต่างประเทศด้วย  แล้วเป็นไปได้ไหมในเมื่อกำไรขนาดนี้ โดยใช้มรดกของบรรพบุรุษมากขนาดนี้ ซึ่งเป็นของคนไทยทุกคน ปตท.ก็ต้องควักกระเป๋าเอาเงินมาใช้หาพลังงานชดเชย โดยไม่ต้องเกี่ยวอะไรกับเงินที่ ปตท.ต้องจ่ายคืนให้รัฐ ทางเขาก็บอกจะขอไปปรึกษาก่อน
เราใช้เวลาแค่สองชั่วโมง แต่ก่อนหน้านี้ที่จัดกันเวทีที่สโมสรทหารบก ใช้ไปสองวัน โดยไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์เลย มัวแต่มาล้างแค้นกันอยู่ ปัญหาและข้อเสนอดีๆ แบบที่พูดไป ทำไมเขาไม่คิดไม่ทำ
ที่ฉันถามก็ถามแบบ ฉันไม่รู้ ก็ตั้งคำถามไปเรื่อย ไม่ได้มีโจทย์อยู่ในมือ แล้วเป็นการถามตอบแบบมีปฏิสัมพันธ์ เพราะเราถามไม่ได้ต้องการจับผิด แต่ถามเพราะอยากรู้ เมื่อคนตอบเห็นว่าไม่ได้ต้องการจับผิด เขาก็อยากตอบ มันก็สร้างบรรยากาศการถามตอบเพื่อให้รู้ความจริง ไม่ใช่การถามตอบแบบเป็นศัตรูหรือจับผิด เราไม่ได้ตั้งธงจะจับผิดใคร  เราอยากให้คำถามออกมาแนวนี้ในสองเวทีที่จัดไป แต่ฝ่ายเขาไม่ทำ
- คิดว่า คสช.หรือรัฐบาล รวมถึงสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะกล้าปฏิรูปพลังงานไหม เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์มหาศาลปีละหลายแสนล้านบาท?
เขา กล้าทำ ถ้าเขาไม่กล้าทำ เขาไม่รอเราหรอก ที่เขายังไม่เคาะ ยังไม่ทุบโต๊ะ ก็เพราะเขารอภาคประชาชน แต่ตอนนี้ที่รู้ทางภาคประชาชนที่สู้กันมาเป็นสิบปี ไม่มีใครเครดิตอะไรให้เขาเชื่อแล้ว ก็เพราะตัวเองชวนทะเลาะตลอด ย่ำอยู่กับที่ตลอด
ฉันถึงเขียนในเฟซบุ๊กว่านักสู้พลังงาน มีใครบ้างที่มีปฏิสัมพันธ์อันดีกับ คสช.และทหาร ถ้าไม่ใช่ฉัน ทำไมคุณไม่ใช้ฉันทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง ทำไมมาใช้ฉันไปรบกับศัตรู แล้วทำให้ศัตรูมันด่าวดิ้นสิ้นใจตาย นี่คือวิธีคิดของพวกคุณหรือ
ฉันก็ยังบอกบนเวที ฉันไม่รู้คุณรู้กันหรือเปล่า ฮั้วกันหรือเปล่า เพราะสิ่งที่คุณถาม อีกฝ่ายหนึ่งเขาตอบได้หมด  แล้วก็ตอบชนิดที่ฝ่ายคุณก็ไม่มีอะไรไปซักกับเขา แล้วถึงเวลาก็มาว่าฉันไปเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่งให้เขาได้อธิบาย แต่เวลาคุณหาเสียงตั้งเยอะแล้วมาถามนิดเดียว ฉันยังปล่อยให้คุณทำได้ พวกนี้มีหูข้างเดียว.
โต้รับเงิน ปตท.
ควันหลงหลังเวทีถาม-ตอบ ปฏิรูปพลังงาน “หลวงปู่พุทธะอิสระ” ไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง แล้วพูดว่ามีคนไปปล่อยข่าวว่าหลวงปู่พุทธะอิสระไปรับเงินจากบริษัท ปตท.  เราเลยถามถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ว่าทำไมถึงไปพูดเช่นนั้น ก็ได้คำตอบว่า ไปพูดกันว่า ปตท.ให้เงินฉัน  วันนั้นฉันยังแซวกลับไปว่า ถ้าให้เงินฉันจะได้เอาไปซื้อไมค์ เพราะแย่งไมค์กันพูดไปมา มันก็พูดไปเรื่อย
...ฉันก็มีสิทธิ์มองได้ว่าที่คุณโวยๆ นี่ เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าอยากให้คุณหยุดโวยก็จ่ายมา ฉันก็มีสิทธิ์มองได้ เพราะเคยมีเรื่องแบบนี้ประเด็นแบบนี้กับเบียร์ช้างมาแล้ว ถ้าคุณคิดว่าฉันเอาเงินจาก ปตท.เพื่อเอื้อประโยชน์ ฉันก็มองกลับไปได้ว่าที่โวยๆ อยากให้หยุดโวยก็ให้ ปตท.เอาเงินยัดปากคุณ ฉันก็มีสิทธิ์คิดได้เหมือนกัน เมื่อคิดว่าฉันรับเงินเขา ฉันก็มีสิทธิ์คิดเหมือนกันว่าคุณอยากได้ตังค์เขาเหมือนกัน หรือมีสิทธิ์คิด ได้ว่าที่คุณถามๆ เป็นการฟอกตัวให้ ปตท.เด่นขึ้นหรือเปล่า และคุณมาหลอกใช้ฉัน ซึ่งคิดได้ทั้งนั้น แต่ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้น เพราะเราก็ทำในเรื่องของเราไป เขาก็ทำในเรื่องของเขาไป  ต่างคนต่างเดินแล้วกัน
มีคนถามฉันว่าไม่กลัว เสียมวลชนหรือ ฉันบอกได้ว่าฉันอยู่คนเดียวฉันก็สู้ได้ ฉันคนเดียวก็สู้ ไม่จำเป็นต้องอาศัย ถ้าประมาณว่ามวลชนมีหูเดียว แล้วก็มีหัวซีกเดียว สู้ไม่มีดีกว่า ฉันไปของฉันคนเดียวได้
    ถามถึงว่า หากแนวทางปฏิรูปพลังงานที่หลวงปู่เสนอไป แล้วมีคนไปบอกว่าไม่ใช่ความเห็นของภาคประชาชน  “เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย” ตอบว่าก็เป็นเรื่องของเขา มีสิทธิ์พูดได้หมด ถามว่าแล้วจะทำอะไรได้ คุณแน่จริงคุณก็ส่งแผนไปสิ ความเห็นภาคประชาชนคืออะไร อยู่ตรงไหน มีกี่คน  คุณและฉันไม่ใช่ประชาชนหรือ คนที่มาที่วัดอ้อน้อยไม่ใช่ประชาชนหรือ
- ถ้าเสนอไปแล้วอาจทำให้บางฝ่ายเสียประโยชน์เช่นบริษัท ปตท. แล้วจะปฏิรูปพลังงานกันได้ไหม?
เมื่อ เราจับเข่าย่อมต้องคุยกันได้ทุกประเด็น อย่างที่ฉันเสนอคือว่า ปตท.จะดึงกำไรที่ไม่ใช่ภาษี ไม่เกี่ยวกับค่าภาคหลวง ค่าสรรพากร ที่ไม่เกี่ยวกับเงินส่งรัฐ เป็นเงินในกระเป๋าที่เป็นกำไรล้วนๆ คุณช่วยลดกำไรลงหน่อยได้ไหม เพื่อชดเชยค่าก๊าซภาคครัวเรือน เขาก็รับว่าจะไปคุย แต่ถ้าเราไม่ได้คุยกัน แล้วเอาเขามาเป็นจำเลย เขาจะยอมไหม เรื่องมันง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องคิดมากมันก็รู้ชัด
ถามย้ำว่า เหตุใดเชื่อมั่นว่า คสช.และ สปช.จะทำตามแนวทางที่เสนอไป "หลวงปู่" ตอบว่า ฉันไม่ได้เชื่อมั่นขนาดนั้น ฉันเชื่อว่านี่คือเสียงหนึ่งของภาคประชาชน  คนจริงใจอย่างฉัน ที่ผ่านมา คสช.รู้ดีว่าฉันจริงใจกับบ้านเมืองขนาดไหน แล้วฉันไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ต้องการอะไรตอบแทน ไม่ได้เรียกร้องอะไร ซึ่งเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เราคิดจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ก็ไม่ได้ต้องการว่าเขาจะต้องมาเลือกของฉันทั้งหมด แค่เพียงรับไปพิจารณาก็พอใจแล้ว
โดยการเสวนาที่จัดกันที่วัดอ้อน้อย คิดว่าจัดกันอีกสัก 2 ครั้งก็จบแล้ว ใครจะมุดท่อลงท่อก็ทำไป  ของฉันก็ทำของฉัน เพราะไกลกว่าเรื่องท่อแล้ว และเห็นว่าเป้าหมายใหญ่ของการปฏิรูปพลังงานหลักๆ ก็ควรเป็น เช่น ต้องทำให้พลังงานฟอสซิลที่อยู่ในบ้านเราเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง-ภาค ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นประโยชน์แต่ปิโตรเคมี  สองคือต้องคิดเผื่ออนาคต ในเมื่อบ้านเราจะขาดแคลนเรื่องพลังงานอีก 10-20 ปีข้างหน้า ต่อไปเราต้องนำเข้า 100  เปอร์เซ็นต์ เราจะต้องเผื่อทำพลังงานทดแทนพลังงานฟอสซิลที่กำลังจะหมดไป อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือที่เสนอให้ยุบกองทุนน้ำมัน กองทุนพลังงาน แต่ให้คงไว้ซึ่งกองทุนพัฒนาพลังงานทางเลือก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม “หลวงปู่” บอกว่า ก็มีบางปมคำถามข้อสงสัยที่ ปตท.ยังเคลียร์ให้ไม่หมด ต้องซักไปเรื่อยๆ แต่ต้องซักในบรรยากาศที่เขาพร้อมจะตอบ อย่าซักในบรรยากาศที่เขาจะปฏิเสธที่ จะให้ความจริง เช่น ต้นทุนการผลิตก๊าซภายในประเทศ  70 เปอร์เซ็นต์ ที่คุณอ้างว่ามาจากอ่าวไทย ต้นทุนต่อเมตริกตัน หรือต่อยูนิต มันเท่าไหร่กันแน่ ปากหลุม ค่าการผลิตเท่าไหร่ ค่าการตลาดเท่าไหร่ หักภาษีแล้วเหลือเท่าไหร่  แล้วสุดท้ายขายให้การไฟฟ้าฯ เท่าไหร่  ปัญหาอย่างเดียวมันพันกันทั้งระบบ เราก็ไล่ซักไปทุกสเตปทุก มิติ เพราะเราอยากรู้ว่าสมบัติของบรรพบุรุษของเราไปอยู่ตรงไหน ซึ่งเขายังตอบไม่เคลียร์ เราก็ไม่เห็นเอกสารเพราะเขาตอบด้วยวาจา
หลวงปู่มอง 'บูรพาพยัคฆ์'
'ประยุทธ์' ไม่พังเพราะ 'บิ๊กป้อม'
"หลวง ปู่พุทธะอิสระ" อดีตผู้นำเวที กปปส.แจ้งวัฒนะ  ให้ความเห็นต่อเรื่องการเมือง โดยเฉพาะบทบาทของพี่น้อง 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ "ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์" ที่เวลานี้คือศูนย์รวมอำนาจของประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจไม่น้อย บนเสียงเตือนไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าต้องนิ่งมากกว่านี้ โดยเฉพาะการตอบคำถามสื่อมวลชน และต้องทำในสิ่งที่ คสช.เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ให้สำเร็จให้ได้
“หลวงปู่พุทธะอิสระ” บอกว่า เรื่องปฏิรูปประเทศจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยรอบด้าน แต่คิดว่า คสช.มีความจริงใจที่จะปฏิรูปบ้านเมืองมาก ก็มองว่าคนเราถ้าอีก 4-5 เดือนจะเกษียณอยู่แล้ว และไม่รู้ต้องมานั่งทำอะไรที่ไม่รู้ว่าจะชนะหรือแพ้ และก็ต้องแก้ไขปัญหา 
พร้อม กับเล่าย้อนให้ฟังถึงฉากหลังการเมืองบางซีน ที่หลวงปู่บอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ โดยบอกว่าอยากเล่าในเรื่องที่สังคมไม่ได้รู้  ให้ได้รู้ว่าช่วงการต่อสู้ของ กปปส.ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร 22 พ.ค.57 ย้อนหลังไปก่อนหน้านั้นสัก ประมาณ 15 วัน หรือ 3 สัปดาห์ ทุกเวที กปปส.เริ่มระส่ำระสาย เสียขวัญ  ไม่เว้นแม้แต่เวทีแจ้งวัฒนะ แต่ฉันก็พยายามรักษาฟอร์มไว้  แต่ทุกเวทีโดยเฉพาะเวทีลุงกำนัน  จะเห็นได้ว่าแกเริ่มเซ  เริ่มรวน  เวที คปท.ของนิติธร ล้ำเหลือด้วย มีทั้งคนเจ็บ คนตาย มีทั้งกฎหมายเข้ามาบีบ มีการข่มขู่คุกคามสารพัด ไม่เว้นแม้แต่เวทีแจ้งวัฒนะ หนทางที่ว่าจะเสร็จ ยุติ จบ มันล่มมาตลอด ในช่วงนั้นฉันก็ประสานกับทหารอย่างหลวมๆ ไว้ในระดับต้นแล้วว่ามันจะไปอย่างใดแบบไหน ในขณะเดียวกันเราก็พยายามประคองตัวไม่ให้เพลี่ยงพล้ำเกินไป ไม่ให้เสียมวย จะล้มก็ล้มอย่างมีเชิง จะยืนอยู่ก็ต้องอยู่อย่างปลอดภัยแบบผู้ชนะ
...เรา ก็พยายามบอกลุงกำนัน โทร.ไปเตือน ก่อนหน้าที่จะปฏิวัติหนึ่งวัน ฉันโทร.ไปบอกลุงกำนันว่าทหารเขาจะทำแล้วนะ  ลุงกำนันบอกว่าถ้าทหารจะทำก็ อยู่ข้างหลังผม ถามว่ามีทหารที่ไหนที่เขาจะโง่ขนาดนั้น ที่ไปอยู่หลังลุงกำนัน เราก็เลยบอกว่า วิธีการของลุงกำนันที่จะให้ได้รัฐบาลที่มาจากสมาชิกวุฒิสภา มันไม่น่าจะได้ข้อยุติหรอก เพราะขบวนการของตระกูลชินมันฝังรากลึกในทุกระบบ องคาพยพสังคมไทย ภาคประชาชนมือเปล่าๆ ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ทหารจัดการเถอะ แต่ลุงกำนันก็ยังเชื่อในอำนาจประชาชน อยู่ เราก็เลยบอกว่าถ้าอย่างนี้ไม่น่าถูกต้องหรอก คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้าน เมืองได้ เราก็สงวนตัวเรา ที่แจ้งวัฒนะเปิดทาง มีทหารมาพูดคุย หากไม่ได้ทหารเข้ามาก็ยังไม่รู้อีกกี่ศพ
ความจริงข้อนี้ไม่มีใครรู้ มีแต่ไปถล่ม รุมประณามคุณประยุทธ์ ทหารและพวก ซึ่งคนพวกนี้ไม่ได้มาอยู่บนถนน ถ้าลองไปนอนบนถนนแบบพวกเรา กปปส.จะรู้เลยว่า ทหารช่วยชีวิตเรา หาทางออก-ทางลงให้ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ถามว่า เหตุใดจึงเชื่อตอนนั้นว่าทหารจะปฏิวัติ "อดีตผู้นำเวที กปปส." เล่าให้ฟังว่า เพราะฉันมีปฏิสัมพันธ์กับทหารมา แล้วทหารก็เข้ามาคุยอยู่เป็นระยะๆ เป็นเรื่องที่เราก็พยายามส่งสารต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้เตรียมพร้อม ฉันก็ มีการขีดเส้นให้ลุงกำนันสองรอบคือ ถ้าคุณไม่ไป ไม่สามารถเผด็จศึกจากวันที่ 8 พ.ค. มาเป็นวันที่ 17 พ.ค. และขยับไปวันที่ 20 พ.ค. เลื่อนไปเรื่อย ฉันจะเดินทางไปหัวหินเพื่อถวายคืนพระราชอำนาจ ทหารก็เข้ามาติดต่อว่าอย่าไป รบกวนเบื้องพระยุคลบาท ปล่อยให้ลูกหลานทหารทำอะไรซักอย่าง เราก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นรัฐบาลไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศ ผู้คนในบ้านเมืองสิ้นไร้ไม้ตอก  คนที่ชุมนุมก็ตายเพิ่มขึ้น มันก็เป็นเหตุผลที่พร้อมจะทำ แต่ตอนนั้นลุงกำนันก็ฝันหวานว่าจะได้พึ่ง ส.ว.(หัวเราะ)
    สำหรับ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" สื่อเคยลงประวัติเอาไว้ว่า เคยสึกจากการบวชเป็นพระอยู่ที่วัดคลองเตยในเพื่อไปเป็นทหารสังกัดหน่วย "พล.ปตอ." อยู่สองปี จึงถือว่าก็เคยเป็นทหารสังกัดบูรพาพยัคฆ์
“หลวงปู่ พุทธะอิสระ” แจงว่า เหตุที่เชื่อว่ารัฐบาลและ คสช.เอาจริงเรื่องปฏิรูปประเทศ เป็นเพราะโดยนิสัยทหารเสือราชินี ถูกอบรมมาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก สิ่งที่เราพูดต้องทำได้ทุกครั้ง ทุกคนจะมีแนวคิดแบบนี้ เพราะเราได้รับการอบรมหนักมากเรื่องพวกนี้ สัจจะลูกผู้ชาย ที่สุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล ออกมาพูดว่าควรจะให้ สปช.มีความหลากหลาย มีทุกภาคส่วนเข้าร่วมในเวทีปฏิรูป ฉันก็เลยถามว่า  ตอนที่คุณอยู่ในอำนาจคุณทนได้อย่างไร สภาผัว-เมีย สภาลูก-หลาน  เป็นความหลากหลายหรืออย่างไร 
คุณประยุทธ์ไม่ได้เลือกคน แต่เขาเลือกอุดมการณ์ ถ้าใครมีอุดมการณ์ตรงกับเขา เขาก็เอา เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปสำเร็จประโยชน์และยั่งยืน ใครมาเป็นรัฐบาลก็จะเอาคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับตน คุณประยุทธ์ไม่ได้เลือก คน เขาไม่รู้หน้า ไม่เห็นหน้า แค่เอาสิ่งที่แต่ละคนเขียนไปอ่านดูว่า ตรงกับเป้าประสงค์หรือไม่ ฉันเองส่งไปตั้งหลายคน ฉันยังไม่เชื่อว่าจะมีคนของฉันได้รับ เพราะบางทีเราก็มองเห็นคนของเราก๊องแก๊งๆ แต่เพราะมีใจรักที่จะเข้าไป
- 4 เดือนที่ผ่านมากับบทบาทผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดอ่อนอะไรที่ต้องแก้ไข?
ก็ เรื่องอารมณ์ เพราะสถานภาพของผู้นำเหมือนกับฟ้า กดดัน ขยับนิดเดียวก็มีแรงกดดันแรงกระเพื่อมมาก  เพราะฉะนั้นผู้นำที่ดีต้องเอาป๋าเปรม (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) เป็นบรรทัดฐาน ป๋าจะเป็นอะไรที่คำถามที่เห็นว่าไม่ควรตอบ และหากตอบไปแล้วเกิดความวุ่นวาย ก็บอกว่ากลับไปนอนเถอะลูก คุณประยุทธ์ก็ต้องทำให้ได้อย่างป๋า อะไรที่เห็นว่าตอบไปแล้วทำให้เกิดความ วุ่นวายในสังคมก็จะหยุดพูด อะไรที่ตอบไม่ได้ก็กลับไปนอนเถอะลูก คุณประยุทธ์ต้องเลียนแบบป๋า ต้องปรับเรื่องอารมณ์ ต้องแข็งแรงทางอารมณ์มากกว่านี้ อย่าไปสนใจในเสียงตำหนิและนินทา อย่าฝากชีวิตไว้ที่ฟองน้ำลายที่กระดกที่ ปลายลิ้น  เพราะด่าไปก็เมื่อยไปเอง เหนื่อยไปเอง คุณประยุทธ์ ต้องคิดแบบนี้ถ้าคิดว่าจริงใจ ตั้งใจดีต่อบ้านเมือง ไม่ต้องสนใจเสียงนกเสียงกา เดินหน้าไปอย่างเดียว ส่วนวิธีคิด แนวทางการทำงานเขาก็รอบด้าน มีผู้อยู่ใกล้ชิดพอที่จะให้คำปรึกษา
เมื่อ ถามว่า ภาพภายนอกคนมองว่าแกนนำทหารบูรพาพยัคฆ์ เช่น พลเอกประยุทธ์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ, พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เคารพหลวงปู่ มีภาพมาทำบุญที่วัดอ้อน้อย "หลวงปู่พุทธะอิสระ" เลยบอกว่า ก็อาจจะเป็นเพราะเราเคยอยู่ค่ายเดียวกัน ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา สมัยฉันเป็นทหาร พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ยังเป็นร้อยตรีอยู่เลย ตอนนั้นเขมรแดงแตกใหม่ๆ ตอนนั้นไปอยู่ชายแดนเขมร และก็ปฏิวัติเมษาฮาวาย พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร อยู่ในค่ายแป๊บนึง จากนั้นก็ขาดการติดต่อไป จนเกิดเรื่องเฮลิคอปเตอร์ตก 2 ลำที่แก่งกระจาน แล้วเห็นพลเอกอุดมเดชออกโทรทัศน์ ก็เลยได้เห็นว่ามีตำแหน่งอะไรตรงไหน  แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยติดต่ออะไรกัน
ถามย้ำว่า ตอนนี้คนพูดกันมากว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจจะพังเพราะคนใกล้ชิด มีการระบุพูดถึงบางชื่อเช่น พล.อ.ประวิตร ที่บทบาทในเวลานี้ดูแล้วอำนาจเยอะเกินไป "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ตอบว่า คุณประวิตรก็มาบ่อย  ตอนมีอำนาจเขาก็เคยตัดพ้อกับว่า ทำไมไม่ชวนเขาไปร่วมงานด้วย  ฉันก็บอกว่าฉันจะคบกับคนที่ไม่มีอำนาจ  ถ้า เมื่อใดคุณมีอำนาจก็ไม่อยากคบ เพราะจะกลายเป็นว่าฉันไปอิงอำนาจพวกคุณ  เราก็รู้จัก เข้าใจดีว่าเขาคิดเพื่อประโยชน์บ้านเมือง ไม่ได้คิดเพื่อประโยชน์ส่วนตน  ถ้าถามว่าวันนี้เหมาะสมไหม ก็วันนี้ไม่ใครที่คุณประยุทธ์ไว้ใจมากเท่ากับ พล.อ.ประวิตร  เขาทั้งหมดที่มาที่นี่ เขาก็เรียกพี่เรียกน้อง สนิทชิดเชื้อกัน ก็ไม่ได้อะไรมาก 
"ส่วนที่วิจารณ์ว่าจะพังเพราะ พล.อ.ประวิตร คงไม่หรอก พล.อ.ประวิตรเขามีเพื่อนมากทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายรัฐบาล มีคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนได้เยอะและ ได้ดี การที่คุณประยุทธ์ดึงเข้ามาเพื่อจะได้รับความร่วมมือจากปลัดกระทรวงต่างๆ จะเห็นว่าคุณประวิตรจะมีเพื่อนฝูงรอบตัวไปหมด และดึงคนที่ไว้ใจมาร่วมทำงาน  เมื่อคุณประยุทธ์ที่นิสัยค่อนข้างจะเก็บตัว ไม่ค่อยกว้างขวางเหมือนคุณประวิตร มันก็เลยเป็นที่มาว่าคุณประวิตรเป็นพี่ ใหญ่รับหน้าเสื่อไป ก็เป็นธรรมดาเพราะเขาไว้ใจคุณประวิตร
 ก็เหมือนฉันที่ไว้ใจใครก็ใช้คนนั้น เพราะว่าอำนาจที่อยู่บนหลังเสือ พลาดนิดเดียวก็หัวทิ่มแล้ว เพราะคนจ้องอยู่ทุกอย่างก้าว”
“หลวง ปู่” บอกต่อไปว่า เท่าที่เห็นที่คนเรียกกันว่าพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ก็รักกันดี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยก็เคยมาที่วัด 2 ครั้ง  คุณประวิตรมาตั้งแต่สมัยเป็นเสนาธิการทหารบก จนมาเป็น ผบ.ทบ. ที่นี่จะเป็นเสียงร่ำลืออย่างที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลว่าไว้ ใครอยากเป็น ผบ.ทบ.ต้องมาทอดกฐินที่นี่ ประมาณเหมือนอย่างนั้นเลยแหละ ถ้าทอดปุ๊บกลับไปได้เป็น ผบ.ทบ.อะไรประมาณนั้น เหมือนจะเป็นความเชื่อหรือแม้กระทั่งพลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ และคนก่อนหน้านั้น  ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร  แต่พลเอกอุดมเดช ไม่เคยมาเพราะเขาไม่รู้ ก็ไม่ต้องมาหรอก ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองก็พอ และคิดว่า คสช.คงไม่สืบทอดอำนาจ เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองมีทิศทางที่ชัดเจน เมื่อชัดเจนแล้วเขาก็คงวางมือ  รามือและก็เลิก
    “อดีตผู้นำเวที กปปส.” ย้ำอีกรอบหลังเคยโพสต์เฟซบุ๊กไปว่า หาก คสช.ไม่ทำตามที่พูดก็พร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวอีกรอบว่า ใช่แน่นอน ฉันขู่เลยถ้าทำไม่ได้ต้องมีเรื่อง แต่ฉันเชื่อว่าเขาทำได้ โดยเฉพาะเรื่องปฏิรูป เพราะเขามีใจที่จะทำอยู่แล้ว มีความตั้งใจ ความพร้อมและความจริงใจ.
                               โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร     :    บุญช่วย  ค้ายาดี

2 ความคิดเห็น:

  1. กองทุนพลังงาน ปัญหาLPG
    วัตถุประสงค์เพื่อรักษาระดับการขึ้นลงราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
    รายได้ กองทุนน้ำมัน
    จากการนำเงินส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลงกลุ่มก๊าซLPG ปี 2555 จากรายงานของเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน ต่ออนุกรรมาธิการพลังงานวุฒิสภา
    1 จำนวน 3,038.95 ล้านบาท เก็บรอบที่1 จากครัวเรือน ขนส่งและอุตสาหกรรม
    2 จำนวน 1,741.88 ล้านบาท จาก LPG ภาคขนส่ง เก็บเงินจากค่าก๊าซ LPGที่เติม รถยนต์ 3-4 บาท/ลิตร
    3 จำนวน 1,383.25 ล้านบาท จากปิโตรเคมีจากการเก็บเงินสมทบกองทุน จากค่าก๊าซ LPG ที่ใช้ใน ภาคปิโตรเคมี จำนวน 1 บาท/กก. มติ กพช. ยิ่งลักษณ์ 30 กย.2554
    4 จำนวน 5,067.18 ล้านบาท จากการเก็บเงินสมทบกองทุน จากค่าก๊าซ LPG ที่ใช้ใน ภาคอุตสาหกรรม 11-12 บาท/กก. มติ กพช. อภิสิทธิ์ เมื่อ 11 กค54
    รวม จำนวน 11,231.256 ล้านบาท สร้างความร่ำรวยให้แก่ ปตท และโรงกลั่นรวมทั้งกรรมการกองทุน
    5 จัดเก็บเข้ากองทุนจากการจำหน่ายเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น จากน้ำมันเบนซิน ก๊าซโซฮอลล์ และอื่นๆ ให้แก่ประชาชน คือประชาชนทุกคนที่ใช้น้ำมันทุกชนิดต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนนี้ จำนวนแล้วแต่ชนิด ของน้ำมันตั้งแต่ 1-9 บาท/ลิตร ตั้งแต่ ตค.54-กค 55 จำนวน24,360.07 ล้านบาท (ที่มา รายงานของสถาบัน กองทุนพลังงาน http://www.efai.or.th/File/ReportCash/55_07.pdf)

    ตอบลบ













  2. จึงใคร่ขอให้คสช ประกาศดังนี้
    สืบเนื่องจากปัญหากองทุนน้ำมันติดลบ สาเหตุใหญ่มาจากการนำเงินไปชดเชยให้กับการจัดหาก๊าซหุงต้ม LPG ซึ่งมีการนำเข้ามาเพิ่มมาก ขึ้นทุกปี นับหลังจากปี 2551 ซึ่งก่อนหน้าที่มีการส่งออก ก๊าซหุงต้มไปประเทศต่างๆ เนื่องจากมีการแย่งกัน ใช้ก๊าซหุงต้มในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งใช้ในสัดส่วนหนึ่งในสามของการใช้ในประเทศ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และธุรกิจปิโตรเคมีได้ทำกำไรให้แก่บริษัทเอกชนหลายเท่าตัว แต่เอาเงินกองทุนน้ำมัน ที่เก็บจากประชาชน ทุกคนไปแบกรับภาระราคาต้นทุนเทียมของก๊าซหุงต้มที่รัฐบาลที่ผ่านๆมา ให้คิดราคาตลาดโลกทั้งๆที่ ส่วนใหญ่ผลิตได้ในไทยเกือบทั้งหมด (4/5 )
    ดังนั้น คสช จึงขอประกาศ ดังต่อไปนี้
    1 ยกเลิกมติครม. สมัย สมชาย วงค์สวัสดิ์ ที่ให้ปิโตรเคมี ใช้ก่อนประชาชน
    2 ยกเลิกมติครม. สมัย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ให้ปิโตรเคมี จ่ายเงินกองทุนเพียง1บาทต่อกิโลกรัม
    3 ยกเลิกมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ที่ให้ราคาซือ้ขายก๊าซหุงต้มสำหรับธุรกิจ ปิโตร เคมี เป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
    4 ประกาศ คสช. ให้ ภาคประชาชนครัวเรือน ขนส่งมีสิทธิใช้ก๊าซหุงต้มก่อน อุตสาหกรรม และปิโตรเคมี
    5 ประกาศ คสช ให้ธุรกิจปิโตรคเมี จ่ายเงินกองทุนน้ำมันเท่ากับอุตสาหกรรมทั่วไปอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม
    6 ประกาศคสช ให้การซื้อขายก๊าซหุงต้มของธุรกิจภาคเอกชน ให้ใช้ราคาตลากโลก
    ขอกราบขอบพระคูณอย่างสูงยิ่ง
    ภาคประชาชน

    ตอบลบ