วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องของชนชั้นนำ คนชั้นต่ำอย่ามาเห่าหอน

โดย บัณรส บัวคลี่29 กันยายน 2557 15:56 น.


รัฐ (รัฐบาล+ทหาร) แสดงท่าทีชัดเจนไม่ต้องการให้ประชาชนเคลื่อนไหวรณรงค์การปฏิรูปพลังงานบนท้องถนน อย่างกลุ่มขาหุ้นพลังงานเดินเท้าจากหาดใหญ่จึงถูกทหารเชิญไปเก็บไว้บอกว่าตอนนี้กำลังจะมีสภาปฏิรูปทำไมไม่รอให้มีการเปิดสภาพูดคุย ทำไมไม่ไปสมัคร สปช. ฯลฯ
      
        การจะจัดกิจกรรมใดๆ ต้องขออนุญาตล่วงหน้า...แรกๆ ทำไม่ได้เลยต่อมากระแสปฏิรูปพลังงานมันแรงจึงค่อยเปิดรูระบายได้บ้างมีเวทีโน่นนี่พอเป็นกระสาย แต่เวทีใหญ่ที่สามารถดึงเอาผู้เกี่ยวข้องกับนโยบายและผู้บริหารปตท.มาได้กลับมีเงื่อนไขหยุมหยิมจนแทบไม่ได้เนื้อหนังอะไรจนกรรมการอย่างหลวงปู่พุทธอิสระถูกวิพากษ์วิจารณ์จนถึงตอนนี้
      
        กิจการพลังงานของประเทศเราเริ่มต้นขึ้นมาจากเทคโนแครตชนชั้นนำแรกทีเดียวเริ่มที่เขื่อนยันฮีต่อมาเป็นกฟผ. กิจการสายนี้เทคโนแครตสายกระทรวงเศรษฐการ สภาพัฒน์ วิศวะจุฬา ตลอดถึงเครือข่ายชนชั้นนำเข้าไปคุมตั้งแต่เริ่มยุคทักษิณขยับจะแปรรูปขอเข้าไปเอี่ยวแต่ติดก้างขวางคอเสียก่อน
      
        กิจการด้านไฟฟ้าเคยเป็นเบอร์หนึ่งด้านการพลังงานมานานแต่ที่สุดก็เสียตำแหน่งพระเอกเนื้อหอมให้กับกิจการด้านปิโตรเลียมอย่างปตท. ที่ขยับพรวดกลายเป็นยักษ์ใหญ่สุดของรัฐวิสาหกิจไทยเครือข่ายเงินทุนและอำนาจบารมีใหญ่กว่ากระทรวงบางกระทรวงเสียอีก
      
        การปิโตรเลียมนั้นก็เหมือนกับการไฟฟ้าที่เดิมข้าราชการอำมาตย์เทคโนแครตและทหารเป็นผู้กุมบังเหียนกำหนดทิศทางตั้งแต่ปั๊มสามทหารมาสู่ปตท. เทคโนแครตชนชั้นนำที่กุมบังเหียนกิจการด้านพลังงานมีอยู่ทั้งฝั่งปตท.และฝั่งกระทรวงอุตสาหกรรมต่อมาแยกเป็นกระทรวงพลังงาน นอกจากนั้นยังมีหน่วยงานกุมนโยบายที่แยกมาจากสภาพัฒน์ โดยเฉพาะสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานที่เดิมอยู่กับสำนักนายกฯต่อมาโอนมาอยู่กระทรวงพลังงาน...รากฐานของกิจการพลังงานก็คือเทคโนแครตและชนชั้นนำ
      
        ปัจจุบันเทคโนแครตยุคแรกทยอยเกษียณไปหมดแล้วนับแต่ ทองฉัตร หงส์ลดารมย์ วิเศษ จูภิบาล ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ แต่ก็ยังคงมีความเชื่อมโยงเครือข่ายตลอดถึงผู้สืบทอดต่อกันมา เกษียณไปแล้วบางคนก็เข้าพรรคการเมืองกลับมาคุมนโยบายพลังงานต่อ บางคนก็กลับมาเป็นซูเปอร์บอร์ด เป็นรัฐมนตรี เป็นประธานบอร์ด หรือแม้แต่เป็น สปช.ในรัฐบาลทหารชุดนี้ (เขียนดักไว้ล่วงหน้าเลยคอยดูชื่อ สปช.ก็แล้วกัน)
      
        แต่กิจการพลังงานปิโตรเลียมต่างไปจากด้านการไฟฟ้าตรงที่ฝ่ายการเมืองและทุนเข้าไปมีเอี่ยวร่วมแบ่งปันกับเทคโนแครตได้โดยเฉพาะนับแต่ทักษิณ ชินวัตรปฏิรูประบบราชการตั้งกระทรวงพลังงานและแปรรูปปตท. ในหลายปีมานี้มีแค่พรรคการเมืองสายทักษิณ กับ สายสุวัจน์ ลิปตพัลลภเท่านั้นที่กำกับกิจการพลังงานมายาวนานที่สุดเว้นช่วงสั้นตอนขิงแก่ที่เทคโนแครตกลับมาครอง
      
        จึงกลายเป็นว่าระยะหลังเริ่มมีชนชั้นนำใหม่ ผู้ดีใหม่ นายทุนรุ่นใหม่มาร่วมเอี่ยวในกิจการพลังงาน
      
        หลายปีมานี้กิจการพลังงานจึงเป็นเรื่องราวในแวดวงเฉพาะของบรรดาชนชั้นนำเก่า-ใหม่ร่วมกันทำมาหากินถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
      
        ตอนที่ทักษิณแปรรูปปตท.ปี 2545 เกิดเหตุการณ์ขายหุ้นรายย่อยหมดในพริบตานาทีกว่าเรื่องนี้ที่แท้ผิดเงื่อนไขว่าจ้างที่ ปตท.จ้างให้ธ.ไทยพาณิชย์เป็นแม่ข่ายกระจายหุ้น พอมีการสอบสวนก็เอาบริษัทตรวจสอบที่เป็นญาติของผู้บริหารธนาคารมาสอบ สรุปแล้วเอาผิดแค่ให้หยุดธุรกรรม 6 เดือนเป็นจบ
      
        เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงเครือข่ายของชนชั้นนำเก่า-ใหม่ ผู้ดีใหม่-ผู้ดีเก่า เทคโนแครต-นักการเมือง ที่ล้วนแต่เป็นชนชั้นนำมีปฏิสัมพันธ์ช่วยกันกลบๆ ไปเรียบร้อยโรงเรียนชินวัตร ปตท.
      
        การทำมาหากินของชนชั้นนำเก่า-ใหม่ ก็ดำเนินร่วมกันด้วยดีบ้างขัดแย้งกันบ้างแต่ก็ประสานประโยชน์รอมชอมกันได้พอสมควร นักการเมืองใหม่ไฟแรงอยากจะเติบโตมีเงินใช้วิ่งเต้นผ่านหัวหน้าพรรคกุมพลังงาน คนพวกนั้นก็ได้งานกันไปคนละจ็อบสองจ็อบแล้วก็เป็นฐานเติบโตเรื่อยมาจากสัญญาหลักล้านกลายเป็นสิบๆ ล้าน ร่ำรวยกันไปประสาชนชั้นนำใหม่ร่วมใจกับเทคโนแครตเก่า บางทีนิตยสารการเมืองเล็กๆ แต่เส้นใหญ่เพราะอิงกับสายของชนชั้นนำใหม่ยังได้โฆษณาจาก ปตท.ก็มี
       
        (ป.ล.ถ้า พีอาร์ ปตท.หรือติ่งคนไหนจะเถียงเรื่องขายหุ้นไม่ผิดช่วยไปถามเจ้านายหรือฝ่ายกฎหมายเสียก่อนว่าควรเถียงอย่างไรเพราะเรื่องนี้ค้างอยู่ในศาล และปตท.ก็มีหนังสือชี้แจงศาลไปแล้วเป็นลายลักษณ์อักษร)
      
        โดยสรุป ขอให้ชาวไทยหาเช้ากินค่ำมนุษย์เงินเดือนที่เติมน้ำมันสองลิตรเกือบร้อยบาททั้งหลายโปรดเข้าใจว่าการพลังงานนับแต่ยุคเริ่มมาจนถึงบัดนี้จึงเป็นเรื่องของอีลีตชนชั้นนำ มีเปลี่ยนไปบ้างคือมีชนชั้นนำใหม่มาร่วมแบ่งเค้ก
      
        การพลังงานไทยไม่เคยเป็นเรื่องของประชาชนส่วนใหญ่ ชนชั้นกลางล่างๆ ลงมา พอเริ่มมีคนพูดกันมากมีการศึกษามีการเผยแพร่ข้อมูลก็ถูกชนชั้นสูงชาวเทคโนแครตผู้รู้ทั้งหลายเบะปากใส่ บอกว่าคนพวกนี้ไม่รู้อะไร ไม่ได้ศึกษาจริง ไม่มีข้อมูล จับแพะชนแกะ มั่วทั้งสิ้น
      
        ถ้าจะให้เลือกหยิบอีลีตผู้ดีเก่าชนชั้นนำเทคโนแครตไทยตัวจริงมาสักคนต้องคนนี้เลย ปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ลูกชายของท่านทูตปรก อัมระนันทน์ ผู้มีนิวาสสถาน ณ วังเทวะเวศม์นอนกินบนกองเงินกองทอง สืบสาแหรกไปไกลได้ทั้งสายพ่อและสายแม่
      
        ปิยสวัสดิ์ (ป๊อก) อัมระนันทน์ เป็นอีลีตเทคโนแครตที่ทำงานด้านนโยบายและแผนพลังงานมายาวนานทั้งภรรยาก็เคยทำงานกับบริษัทน้ำมันจัดเป็นผู้รู้ทางด้านกิจการนี้คนหนึ่งของประเทศวันก่อนขึ้นเวทีโต้วาทีถามตอบพลังงานที่มีหลวงปู่พุทธอิสระเป็นผู้ดำเนินรายการ การแสดงออกท่าทีวิธีการที่กันตัวเองว่าไม่ใช่ตัวแทนของรัฐ (ทั้งๆ ที่มีอธิบดี มีซีอีโอปตท.มีใครต่อใครของภาครัฐเต็มเวที) แล้วก็ใช้ลีลาในการสอดแทรกทำลายจังหวะการซักถาม ท่าทางที่แสดงออกเหมือนกับการไปรบ
      
        ประมาณว่าพวกเอ็งมาท่าไหนก็จะโต้กลับหมด
      
        สังเกตดูสิครับ ชนชั้นนำเทคโนแครตพลังงานทั้งฝ่ายปตท.และกระทรวงพลังงานไม่ค่อยพอใจที่ประชาชนออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิรูป ให้มีการเปิดเผยข้อมูล ให้มีการทบทวนเรื่องผลประโยชน์ประเทศ หลังๆ มานี่ขนาดให้เผลอหลวมพ่อเล่นฟ้องหมิ่นประมาทเรียงตัว
      
        น่าเสียใจนะครับหากว่าชนชั้นนำผู้กุมอำนาจพลังงานไม่ได้มองว่าประชาชนเรียกร้องแบมือขึ้นหา หากแต่มองว่าประชาชนพวกนี้เป็นศัตรูที่ต้องต่อกร ฟาดฟันกัน
      
        วีระ สมความคิดงัดหลักฐานเด็ดมาชนชั้นนำชื่อปิยสวัสดิ์ยังหาช่องโต้ได้แทนที่จะหาวิธีการตอบดีๆ ก็ไล่ให้ไปฟ้องศาลซะแล้วยังตอกไปด้วยว่า “อย่ามาเห่าหอนข้างนอก”
      
        หรือว่าสิ่งที่ชนชั้นนำอีลีตอำมาตย์พลังงานคิดทำปฏิบัติกันอยู่ตอนนี้ก็คือความคิดว่า...พลังงานคือเรื่องของชนชั้นนำ คนชั้นต่ำอย่ามาเห่าหอนสะเออะเรียกร้อง ให้รอการจัดสรรจัดการอย่างสงบเรียบร้อยอย่าเรื่องมากถ้าเรื่องมากก็จะถูกฟ้อง
      
        หรือเบาลงมาหน่อยก็จะถูกผู้ดีบริภาษใส่ว่าอย่ามาเห่าหอน. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น