วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ปตท. มีรายได้มากกว่า รัฐบาลไทย กำไรหายไปไหน!?

แค่ 5 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในเครือปตท.ยังไม่รวมอีก200บริษัทของปตท.ที่อยู่นอกตลาดหุ้น ก็มีรายได้รวมในปี 2556 ถึง 4.38 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณแผ่นดินในปีเดียวกันเกือบ2เท่า ( งบประมาณแผ่นดินปี 2556 คือ2.4ล้านล้านบาท)
จาก 
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000075967 
นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม แกนนำกลุ่มจับปฏิรูปพลังงานไทย โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล เกี่ยวกับรายได้ ของกลุ่มบริษัท ปตท. ในตลาดหลักทรัพย์ ที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจเงินมหาศาลของปตท.ที่มาจากการผูกขาดใช้ทรัพยากรของแผ่นดิน โดยมีเนื้อหาสำคัญดังต่อไปนี้
       
       นี่แค่ 5 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในเครือปตท.ยังไม่รวมอีก200บริษัทของปตท.ที่อยู่นอกตลาดหุ้น ก็มีรายได้รวมในปี 2556 ถึง 4,386,965.73 ล้านบาท มากกว่างบประมาณแผ่นดินในปีเดียวกันเกือบ2เท่า ( งบประมาณแผ่นดินปี 2556คือ2.4ล้านล้านบาท)
       
       อำนาจเงินมหาศาลของปตท.ที่มาจากการผูกขาดใช้ทรัพยากรของแผ่นดิน แล้วจะมีองค์ไหนที่สามารถ ตรวจสอบกำกับ ปตท.ได้จริง อย่าว่าแต่กระทรวงการคลังหรือกระทรวงพลังงานเลย แม้แต่รัฐบาล นายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถกำกับเขาได้
       แค่เงินที่หว่านโปรยอุดหนุนให้กับสื่อก็สามารถหยุดยั้งการตรวจสอบ หรือหยุดวิพากษ์วิจารณ์ว่าอำนาจผูกขาดของปตท.ขนาดนี้เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของบ้านเมืองอย่างไร
       
       การส่งสัญญาณลอยตัวพลังงานของ คสช.ตามแนวทางของกลุ่มทุนพลังงานที่สร้างวาทกรรมว่า"ราคาพลังงานต้องสะท้อนต้นทุนตลาดโลก" นั้น โดยยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปพลังงาน จะยิ่งเป็นการรีดเลือดประชาชนให้กับปตท.
       
       ขณะนี้ประชาชนไทยยังมีหุ้นส่วนอยู่ในปตท.51% จึงขอเรียกร้องว่าก่อนที่จะดำเนินนโยบายธุรกิจพลังงานอะไรที่เป็นผลกระทบต่อค่าครองชีพของเจ้าของประเทศ รัฐบาลและบอร์ดปตท.ควรต้องฟังเสียงประชาชนในเวทีสภาปฎิรูปและเวทีภาคประชาชนต่างๆอย่างกว้างขวางมิใช่อ้างแต่การสะท้อนราคาต้นทุนพลังงานตามกลไกตลาดโลก หรือการไม่มีLPGราคาถูกจากอ่าวไทยมาป้อนโรงงานปิโตรเคมีของเอกชนเท่านั้น
       
       หลังจากการแปรรูปปตท.เมื่อเดือนตุลาคม ปี2544 เป็นต้นมา ประชาชนต้องแบกรับราคาพลังงานทั้งน้ำมัน แก๊สและไฟฟ้าเพื่อรายได้และกำไรมหาศาลของเอกชน โดยที่ประชาชนไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากนโยบายประชานิยมพลังงานใดๆจากรัฐบาลหรือปตท.เลยนอกจากต้องควักเนื้อตัวเอง ช่วยเหลือกันเองมาโดยตลอด
       
       ดังนั้นใครก็ตามในกระทรวงพลังงานและในปตท.ที่สร้างวาทกรรมว่าต้องเลิกนโยบายประชานิยมพลังงาน มิฉะนั้นจะก่อความเสียหายยิ่งกว่านโยบายจำนำข้าว ขอได้โปรดทบทวนจิตสำนึกของตนเองว่า "ใครอุ้มใครกันแน่"
       
       รายได้ เบี้ยประชุมและโบนัสก้อนโตต่อปีที่พวกท่านได้รับ ตลอดจนราคาหุ้นของ บริษัทพลังงานในตลาดหลักทรัพย์นั้นล้วนมาจากรายจ่ายของประชาชนที่ถูกปิดตามัดมือชก จากนโยบายบนหอคอยงาช้างของกลุ่มธุรกิจพลังงานที่มีภาครัฐทุกรัฐบาลให้ท้ายมาโดยตลอด ดังคำกล่าวอ้างว่าของปตท.ว่า"ปตท.เป็นแค่ผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่คนกำหนดนโยบาย"
       
       ขอฝากคำเตือนของพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ถึงผู้นำ "คสช"ในบทความเรื่อง"กับดักคนดี"(มติชนรายวัน 1ก.ค. 2557) ตอนหนึ่งว่า
       
       "กับดักอันที่สามคือ นายทุนที่พร้อมจะร่วมกับผู้มีอำนาจ ไม่ว่า
       จะเป็นใครมีอุดมการณ์อย่างใด ขอเพียงแต่ให้ตนได้ประโยชน์
       และผลกำไรเป็นของตนเท่านั้น นายทุนจำพวกนี้เต็มใจที่ร่วมมือ
       สนับสนุนผู้มีอำนาจ และเมื่อสามารถเข้าใกล้ชิดผู้มีอำนาจได้แล้ว ก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลและมีอำนาจขึ้นมาอีกคนหนึ่ง และใช้อำนาจนั้นหาประโยชน์ หากำไรให้ตนเอง"

วสิษฐ เดชกุญชร : กับดักคนดี



ผมก็เหมือนกับคนไทยอีกหลายล้านคนที่เฝ้ามองดูและเอาใจช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างใจจดใจจ่อ
ถึงวันนี้ ผมไม่ติดใจสงสัยอีกต่อไปแล้วในตัวคุณประยุทธ์ ผมเชื่อแล้วว่าคุณประยุทธ์มีความบริสุทธิ์ใจและตั้งใจที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองให้จงได้ โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร และใครก็ตามที่บอกทักษิณ ในคลิป "ถั่งเฉ้า" ว่า "ตู่ไว้ใจได้" นั้น ไม่รู้จักคุณประยุทธ์จริง

เพราะเชื่อว่าคุณประยุทธ์มีความบริสุทธิ์ใจและตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง ผมจึงเป็นห่วงว่าคุณ ประยุทธ์จะติดกับที่มีคนลอบวางเอาไว้แล้วและกำลังจะวางต่อไปเพื่อดักคุณประยุทธ์

กับดักอันแรกคือสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ซึ่งขณะนี้ดูสงบและยุติความเคลื่อนไหวที่จะเป็นภัยแก่บ้านเมือง บางคนถึงกับแสดงท่าทีจะร่วมกับคุณประยุทธ์ในการปฏิรูปบ้านเมือง

ผมไม่เชื่อว่าคนเหล่านั้นยุติความเคลื่อนไหวจริงๆแต่เชื่อว่าเขาเพียงแต่หยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะหนึ่งเพื่อดูสถานการณ์เท่านั้น เมื่อใดที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปทางด้านที่จะเป็นคุณแก่เขา เมื่อนั้นเขาก็คงจะเปิดเผยตัวและเคลื่อนไหวใหม่ ที่ผมเชื่อเช่นนี้ก็เพราะพฤติการณ์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทย และ นปช.ในอดีต ที่แสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่าเขามุ่งหมายที่จะยึดครองเมืองไทยให้ได้

นอกจากนี้ผมยังเชื่อด้วยว่าทักษิณในฐานะที่เป็นนายทุนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและนปช.ก็ กำลังคอยเวลาอยู่เช่นเดียวกัน

กับดักอันที่สองคืออำนาจของ คสช.เอง
ใครๆ ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อประกาศกฎอัยการศึก ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจการปกครอง และตั้งตัวเองขึ้นเป็น คสช.แล้ว คุณประยุทธ์ก็กลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลและมีอำนาจที่สุดขึ้นในประเทศ ตัวคุณประยุทธ์นั้นผมไม่ห่วง เพราะคุณประยุทธ์ได้ประกาศทันทีหลังจากที่ยึดอำนาจได้ว่า จะต้องทำตัวท่านให้เล็ก แสดงว่าคุณประยุทธ์ตระหนักในพิษของอำนาจที่ตนมี

แต่ผู้อื่นใน คสช. ซึ่งพลอยมีอำนาจขึ้นมาในการบริหารงานด้านต่างๆ ของบ้านเมืองเล่า ตระหนักในพิษของอำนาจอย่างคุณประยุทธ์หรือไม่ ?

อำนาจนั้นเหมือนสนิมเหล็กที่เกิดจากเนื้อเหล็กเอง เกิดแล้วก็กัดเหล็กจนกร่อน และอาจกร่อน ไปทั้งชิ้นทั้งแท่งจนเหลือแต่สนิม

กับดักอันที่สามคือนายทุนที่พร้อมจะร่วมกับผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นใครมีอุดมการณ์อย่างใดขอเพียงแต่ให้ตนได้ประโยชน์และผลกำไรเป็นของตนเท่านั้นนายทุนจำพวกนี้เต็มใจที่จะร่วมมือสนับสนุนผู้มีอำนาจ และเมื่อสามารถเข้าใกล้ชิดผู้มีอำนาจได้แล้ว ก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพลและมีอำนาจขึ้นมา อีกคนหนึ่ง และใช้อำนาจนั้นหาประโยชน์หากำไรให้ตนเอง

กับดักสุดท้ายคืออคติและการหลงสถาบันการศึกษาของคนในคสช.ย่อมเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าคสช.นั้นประกอบด้วยนายทหารเป็นส่วนใหญ่ และผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นนายทหารชั้นรองลงไป นายทหารทั้งใหญ่และน้อยนี้ส่วนมากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และยังมีนายตำรวจอีกจำนวนไม่น้อยที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารด้วย

เท่าที่เคยปรากฏมาแล้วในสมัยที่ทักษิณและยิ่งลักษณ์เรืองอำนาจการแต่งตั้งนายทหารและนายตำรวจมิได้กระทำโดยคำนึงถึงหลักคุณธรรมและความรู้ความสามารถ แต่อาศัยรุ่นการศึกษาในโรง เรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเป็นหลักมากกว่า จะเห็นว่าเพื่อนร่วมรุ่นของ ทักษิณเป็นจำนวนมากได้รับการแต่งตั้งโดยข้ามหัวผู้อื่นขึ้นไป

ถ้ายังปล่อยให้อคติและการหลงสถาบันการศึกษามีอยู่ก็คงหวังได้ยากว่าเมืองไทยจะได้ข้าราชการตำรวจทหาร และพลเรือนที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิรูปประเทศไทย

ทั้งสิ้นนี้คือความเป็นห่วงของผู้หนึ่งที่เอาใจช่วยคุณประยุทธ์และหวังว่าคุณประยุทธ์จะเห็นและเลี่ยงหรือก้าวข้ามกับดักเหล่านั้นไปได้โดยปลอดภัย


...........
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1404216016
(ที่มา:มติชนรายวัน1ก.ค.57)


ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น