วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ศาลปล่อยผี"จตุพร"คำสั่งที่ไม่ธรรมดา! - ไม่ต่างกับให้ประกัน เสธ.แดง ก่อน เหตุจลาจลเผากรุง ที่เสียหายใหญ่หลวง!!!

หลังคำสั่งยกคำร้องขอถอนประกัน"จตุพร พรหมพันธุ์"จำเลยคดีก่อการร้าย...ทำเอา"ธาริต เพ็งดิษฐ์"อธิบดีดีเอสไอ เกิดอาการเครียด!ที่ลงทุนลงแรง เดินขึ้นบันไดศาลเพื่อยื่นขอถอนประกันตัวด้วยตนเอง หลังผิดหวังในยกแรก กรณีอัยการไม่ยื่นถอนประกันตามที่ส่งหนังสือร้องขอไป

เหตุผลของศาลที่ว่า "ยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงยกคำร้อง"...ถือเป็นเหตุผลสั้นๆและได้ใจความ กล่าวคือ"จตุพร พรหมพันธุ์"ยังไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขประกันตัว และ"จตุพร พรหมพันธุ์"ไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กล่าวหา จึงถือว่า ยังไม่มีเหตุที่จะสั่งถอนประกัน"จตุพร"เพื่อนำตัวเขาเข้าไปคุมขังในเรือนจำ เหมือนกับจำเลยคนอื่นๆอีก 18 คน

มองมุมบวก...การที่ศาลมีคำสั่งเช่นนั้น ถือเป็นการให้ความเป็นธรรม กับตัว"จำเลย"หลังจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ เสนอแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ที่จะทำให้เชื่อได้ว่า จำเลย ได้กระทำความผิด หรือ ทำผิดเงื่อนไข ที่จะนำไปสู่การถอนประกันตัวได้ จึงยกคำร้อง ...

ส่วนผลที่จะตามมาคือ"จตุพร พรหมพันธุ์"ส.ส.สายพันธุ์ดุ!!!...จะยังคงได้รับอิสระภาพนอกคุก การเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนเสื้อแดง ยังคงดำเนินต่อไปอย่างอิสระ ตารางเวลาการเคลื่อนม็อบ ของคนเสื้อแดง ยังคงดำเนินอยู่ โดยเฉพาะวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ที่"จตุพร พรหมพันธุ์"ได้แถลงถึงกิจกรรมการชุมนุมของ นปช.ในวันดังกล่าวไว้ชัดเจนว่า...จะเริ่มในเวลา 17.00-20.00 น.ภายใต้หัวข้อการชุมนุม “8 เดือนผ่านฟ้า 78 ปี รัฐธรรมนูญ”โดยตำรวจคาดว่าจะมีผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 5,000 คน

แต่หากปฎิทินการเมืองในวันที่ 9 ธ.ค.วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพร้อมคู่ความคดียุบพรรคประชาธิปัติย์ 258 ล้าน และหากศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นเรื่องอำนาจนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามที่ ทนายของพรรคประชาธิปัติย์ ยื่นให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาด และศาลวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว โดยเป็นคุณกับฝ่ายผู้ถูกร้อง คือ"ให้ยกคำร้องยุบพรรค" การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 10 ธ.ค.จะเป็นการเพิ่มเงื่อนไขเสริมแรงบวกให้ก่อความรุนแรงขึ้นได้หรือไม่ เมื่อ"จตุพร พรหมพันธุ์"จำเลยคดีก่อการร้าย ยังมีอิสระในฐานะแกนนำคนสำคัญ....

มองมุมลบ...จากคำสั่งศาลไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง จะเป็นการ สร้างแรงจูงใจให้กับ กลุ่มจำเลยแกนนำแดงที่นอนอยู่ในคุก ใช้เป็นช่องทาง นำมายกอ้างเป็นเหตุผลในการขอยื่นประกันตัวชั่วคราวอีกครั้ง ได้หรือไม่

กล่าวคือ...เมื่อ"จตุพร พรหมพันธุ์"และ"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"รวมทั้งเพื่อนร่วมแก๊งที่อยู่ในคุก เขาได้กระทำความผิดและถูกฟ้องในข้อหาเดียวกันคือ ก่อการร้าย...แต่"จตุพร"ได้ประกันตัว เพราะมีเอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ คุ้มครอง ขณะที่"ณัฐวุฒิและพวก"ไม่ได้ประกันตัว โดยที่คำสั่งยกคำร้องขอประกันตัวในทุกครั้ง ศาลเน้นย้ำเหตุผลว่า..."ข้อหาร่วมกันหรือใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐานก่อการร้าย มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต และเป็นภัยแก่ประชาชนโดยส่วนรวม หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาหลบหนี ให้ยกคำร้อง"

โดยผลที่ตามมาคือ...ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.53 จนถึงวันนี้ "ณัฐวุฒิ และพวก"ถูกคุมขังในคุก ซึ่งบางเสี้ยวเวลาพวกเขาได้มีโอกาสนอนใช้มือก่ายหน้าผากและคิดว่า สิ่งที่ได้กระทำลงไป ผิดหรือถูก และต่อไปจะทำเช่นนั้นอีกหรือไม่...ขณะที่"จตุพร พรหมพันธุ์"หลังก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง เขายังไม่เคยได้ลิ้มรสชาดคนคุก แต่กลับใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่งตัวหล่อผูกเนคไท ใส่สูท ทำหน้าที่ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติในสภา ด้วยบทบาทลีลายียวนอภิปรายด่ากราด รัฐบาล ดีเอสไอ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งศาลในบางกรณี ควบคู่ไปกับ เป็นแกนนำ นปช.ที่พูดปลุกระดมคนเสื้อแดงออกเคลื่อนไหวก่อม็อบอยู่ร่ำไป....

จากเหตุยกคำร้องขอถอนประกัน และหากจำเลยเสื้อแดง"แก๊งณัฐวุฒิ"ขอประกันตัวชั่วคราว ศาลจะอ้างเหตุผลอะไร ที่จะไม่ให้ประกันตัวพวกจำเลยที่ยังอยู่ในคุก!

เพราะหากอ้างเหตุผล เดิมๆคือ...."ข้อหาร่วมกันหรือใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐานก่อการร้าย มีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต และเป็นภัยแก่ประชาชนโดยส่วนรวม หากอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาหลบหนี ให้ยกคำร้อง"...อาจจะไม่ยุติธรรมกับ"แก๊งณัฐวุฒิ"เพราะในเมื่อ"จตุพร"ก็ทำผิดเหมือนกัน แต่ได้รับประกันตัว และเมื่อ ดีเอสไอ เห็นว่า เขาทำผิดเงื่อนไข หมดสมัยประชุมสภาแล้ว ยื่นขอถอนประกัน แต่ศาลท่านกลับ สั่งว่า"ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง".....ปล่อยผี จตุพร เอาแบบดื้อๆ...

ดังนั้นที่มองกันว่า...เหตุไม่ถอนประกัน"จตุพร พรหมพันธุ์"เพราะผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ ต้องการปรองดอง และกลัวจะเป็นการเพิ่มเงื่อนไขในการชุมนุมของคนเสื้อแดง จนนำไปสู่ความรุนแรงในภายหลังนั้น จะเป็นการคิดถูกหรือคิดผิด เพราะหาก กลัวคนชื่อ"จตุพร พรหมพันธุ์"จนเกินเหตุ!ก็จะทำให้กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์ได้...นะครับ!

*** ให้ประกัน เสธ.แดง *** ทั้งที่ คนทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่มีใครเห็นด้วย ผบ.ตร. ยังทำหนังสือค้าน กลัวความวุ่นวาย แต่ศาลให้ประกันตัว จนมีการยั่วยุให้มีการจับอาวุธโต้ตอบอำนาจรัฐ - ก่อจลาจล - เผากรุงเผาศาลากลาง สร้างความเสียหายใหญ่หลวง สุดท้าย ... หาคนรับผิดชอบไม่ได้ - คนที่อนุญาตให้ประกัน เฉยทำไม่รู้ไม่เห็น ... !!!

ศาลอนุญาตประกันตัว "เสธ.แดง" กับลูกน้องอีก 6 คน เหลือเพียง "เคทอง" มือ ขวาคนสนิทต้องเข้าไปนอนคุก เนื่องจากหวั่นจะไปกระทำผิดลักษณะเดียวกันอีก นายพลทหารคนดังฉะแหลก รอง ผบก.ป.หักหลังจับสมุนมือทำเว็บไซต์ ส่วนกรมการขนส่งทางบกเช็กทะเบียนกงจักรที่ติดรถตู้แล้วพบเป็นของปลอม เตรียมหาเจ้าของรถแจ้งปลอมแปลงอีกกระทง ด้านน้าหลานคดีลอบปาบึมแบงก์บัวหลวง ถูกส่งเข้าเรือนจำ หลังไม่มีญาติขอปล่อยตัวชั่วคราว

คดี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกจับดำเนินคดีพร้อมกับพวกข้อหาร่วมกันช่วยผู้ต้องหาโดยการให้ที่พำนัก หรือช่วยไม่ให้ถูกจับกุม มีและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ หลังพานายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ "เคทอง" ลูกน้องคนสนิท ผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่โพสต์ข้อความก่อให้เกิดความตื่นตระหนกทางอินเตอร์เน็ต ซ่อนไว้ในรถตู้ติดแผ่นป้ายตรากงจักรระหว่างเดินทางไปสอบถามความคืบหน้าของคดีนายพรวัฒน์ที่กองปราบปราม กระทั่งทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาและควบคุมตัวอยู่ในห้องขังกองปราบฯ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 8 มี.ค. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาราชการแทน ผบก.ป. พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ รอง ผบก.ป. พร้อมกำลังตำรวจหน่วยคอมมานโด กองปราบปรามอาวุธครบมือ ควบคุมตัว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง และลูกน้องอีก 6 คน ออกจากห้องขังเตรียมไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาลอาญา โดยพนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด

กระทั่งเวลา 08.00 น. พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนชัยนันท์ พนักงานสอบสวน บก.ป. นำคำร้องไปยื่นฝากขังครั้งแรก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อายุ 59 ปี ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา อายุ 27 ปี นายมงคล สารพัน อายุ 43 ปี นายจักรชลัส คงสุวรรณ อายุ 37 ปี นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ อายุ 50 ปี นายจรัญ ลอยพูล อายุ 40 ปี นายสุวิทย์ คีรีรักษ์ อายุ 39 ปี และนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-8 ในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, มาตรา 189 และมาตรา 371 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 มี.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบสวนพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาและอาวุธปืน

คำร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 53 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-8 พร้อมปืนสั้น เครื่องกระสุนปืน และมีดรวม 8 รายการ รถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ตรากงจักร 2481 อีก 1 คัน พล.ต.ขัตติยะ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นนายทหารสัญญาบัตรอยู่ระหว่างพักราชการตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง นำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันกองทัพ สร้างความแตกแยกในหมู่คณะและสังคมส่วนรวม กับพวกนั่งรถตู้ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมให้เข้าใจเป็นรถที่ใช้ในราชการทหาร และบังอาจพกพาอาวุธปืน 5 กระบอก เข้าไปยังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ตำรวจยังตรวจพบว่าผู้ต้องหาที่ 1-7 ช่วยเหลือซ่อนเร้นนายพรวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 8 ซึ่งถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม ซ่อนไว้ในรถตู้ จึงจับกุมทั้งหมดดำเนินคดี ชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว ผู้ต้องหาทั้งหมด เนื่องจาก พล.ต.ขัตติยะเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่กองปราบปรามมีความเห็นสั่งฟ้องในคดีที่มีการกล่าวหาว่ากระทำผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และมียุทธภัณฑ์ 16 รายการไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีดังกล่าวผู้ต้องหาเลื่อนนัดหลายครั้ง มีพฤติการณ์จะหลบหนี เพราะเดินทางเข้าออกต่างประเทศหลายครั้ง ประกอบกับ พล.ต.ขัตติยะมีพฤติการณ์ให้ข่าวลักษณะที่มีการข่มขู่ผ่านสื่อมวลชนหลายครั้งว่าจะมีการประทุษร้ายบุคคลสำคัญ ทรัพย์สิน สถานที่ราชการสำคัญ รวมทั้งผู้ที่จะมาชุมนุม โดยใช้ความรุนแรงในการก่อเหตุร้ายต่างๆ เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ และยังมีการประกาศจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธในนาม "นักรบพระเจ้าตาก"มาแล้วในอดีต

วันเกิดเหตุ พล.ต.ขัตติยะยังพาผู้ต้องหาที่ 2-8 พกพาอาวุธปืนและมีดไปในกองปราบปรามโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ผู้ต้องหาที่ 1-8 ยังเกี่ยวข้องกับกลุ่มเสื้อแดง หรือ นปช. ที่จะมีการชุมนุมในระยะเวลาอันใกล้นี้ จึงอาจสร้างความวุ่นวายและความเสียหายให้ประชาชนและประเทศชาติ หรืออาจก่อเหตุอันตรายในประการอื่นให้สังคมในที่สาธารณะและที่ส่วนบุคคล สำหรับผู้ต้องหาที่ 2-8 จากการสืบสวนทราบเป็นกลุ่มบุคคลที่พยายามใช้ความรุนแรงในการก่อเหตุเพื่อให้เกิดความวุ่นวายภายในประเทศ และยังปรากฏเป็นข่าวตามสื่อมวลชนว่า ผู้ต้องหาที่ 8 พูดจาข่มขู่ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะก่อเหตุอันตราย หรืออาจเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ส่วนนายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือเคทอง ยังโดนในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลัง พ.ต.ท.สุพจน์ คำวงศ์ษา พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ยื่นฝากขังต่อศาลระบุว่า ระหว่างวันที่ 26-27 ก.พ.53 เวลากลางคืน นายพรวัฒน์จัดรายการเผยแพร่ภาพและเสียงผ่านระบบแคมฟร็อกซ์ทางอินเตอร์เน็ตอยู่ใน เว็บไซต์ www.youtube.com ปรากฏข้อความสร้างความปั่นป่วนก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน ต่อมาเกิดเหตุระเบิดที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม แสมดำ ศรีนครินทร์ พระประแดง รวม 4 จุด กระทั่งผู้ต้องหาถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ลงวันที่ 5 มี.ค.53 และหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ลงวันที่ 4 มี.ค.53 ดำเนินคดีความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลนั้นเป็นเท็จ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เกรงว่าจะหลบหนีเนื่องจากถูกดำเนินคดีหลายสำนวน และจะก่อให้เกิดภยันตรายต่อสาธารณชน เพราะผู้ต้องหาประกาศให้เป็นที่ปรากฏแก่ประชาชนว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนมากดดันการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน หรือมาปิดล้อมกองบังคับการปราบปรามซึ่งเป็นสถานที่ราชการในวันที่ผู้ต้องหากับพวกถูกจับกุม ประกอบกับการสอบสวนไม่พบผู้ต้องหาประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งเพียงแต่มีอาชีพรับจ้างเท่านั้น

ต่อมานายณฤเมธ ภูพวงจันทร์ ทนายความยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน จ.นครนายก และจ.นครปฐม ประมาณ 3 ไร่เศษ ราคาประเมิน 1,875,900 บาท ขอประกันตัว พล.ต.ขัตติยะกับพวกรวม 8 คน ศาลพิจารณาคำร้อง และหลักทรัพย์ที่ พล.ต.ขัตติยะกับพวกยื่นประกันแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท และกำชับ พล.ต.ขัตติยะไม่ให้ข่าวที่มีลักษณะของการข่มขู่ผ่านสื่อมวลชนว่าจะมีการประทุษร้ายต่อบุคคลสำคัญ ทรัพย์สิน และสถานที่ราชการ รวมทั้งผู้ที่จะมาชุมนุมโดยให้ใช้ความรุนแรง แต่รายของนายพรวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 8 ศาลพิเคราะห์แล้วหากปล่อยตัวชั่วคราวเชื่อว่าจะกระทำผิดลักษณะเดียวกันอีก จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ภายหลังได้รับการประกันตัว พล.ต.ขัตติยะ กับพวกเข้าไปเยี่ยมนายพรวัฒน์ที่ยังอยู่ห้องขังใต้ถุนศาลในช่วงแรกนายพรวัฒน์ยังมีอาการดีอยู่ แต่พอทราบว่าทุกคนได้รับการประกันยกเว้นตัวเอง นายพรวัฒน์ถึงกับมีสีหน้าเศร้าสลดคว้าผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาจน พล.ต.ขัตติยะต้องเข้าจับมือให้กำลังใจ จากนั้น พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่า ขอตำหนิการทำหน้าที่ของ พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบก.ป. ที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิตำรวจไทย ถือเป็นการหักหลังตนที่นำตัวนายพรวัฒน์เข้ามอบตัวด้วยการจับกุมดำเนินคดี แถมยังคัดค้านการประกันตัว เรื่องนี้คงต้องปรึกษาทีมกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการฟ้องกลับได้หรือไม่

สายวันเดียวกัน พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐกร ประภายนต์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังชุดสืบสวนค้นห้องเลขที่ 2507 ชั้น 5 อาคารศิริรัตน์แมนชั่น ซอยลาดพร้าว 140 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ของว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมพร้อม พล.ต.ขัตติยะ และเป็นเลขานุการส่วนตัวของ พล.ต.ขัตติยะ แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ส่วนนายทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก 2 นาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ไพรินทร์ แจ่มจำรัส พงส. (สบ 3) กก.1 บก.ป. เพื่อนำเอกสารการตรวจสอบรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียนตรากงจักร 2481 ที่เสธ.แดง กับพวกใช้เป็นยานพาหนะ ยืนยันว่าแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่ใช่แผ่นป้ายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกออกให้ ส่วนเลขทะเบียนนั้นตรวจสอบแล้วพบเป็นเลขทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกออกให้กับรถยนต์ที่อยู่ในหน่วยงานของกองทัพบกหน่วยหนึ่ง ไม่ใช่รถตู้คันนี้ จึงเตรียมหาตัวเจ้าของรถเพื่อแจ้งข้อหาตามความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมด้วย

สำหรับคดีสองน้าหลานร่วมกันกับพวกลอบปาระเบิดถล่มธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ควบคุมตัวนายเอกชัย มูลเกษ อายุ 21 ปี และนายไสว ยางสันเทียะ อายุ 42 ปี น้าชาย ไปยื่นคำร้องขอฝากขังที่ศาลครั้งแรก คำร้องระบุ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.53 เวลากลางคืน นายไสวชักชวนนายเอกชัย หลานชาย ให้ ขี่รถ จยย.พาผู้ต้องหาอีกรายที่ยังหลบหนีไปขว้างระเบิดใส่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาสีลม ทำให้กระจกตู้โทรศัพท์สาธารณะแตก กระจกด้านหน้าธนาคารเสียหาย ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง ขณะเดียวกัน ไม่มีญาติมายื่นคำร้องขอประกันตัวทั้งคู่ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำสองน้าหลานคดีปาบึมธนาคารเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทันที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น