คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ "คนเคาะข่าว"
วันที่ 9 ก.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมพูดคุยในรายการ "คนเคาะข่าว"
โดยนายปานเทพ กล่าวว่า วันนี้รายการคนเคาะข่าวเป็นตอนพิเศษ จัดขึ้นเพื่อทบทวนความทรงจำ ชื่อตอนว่าผู้มาก่อนกาลเวลา เวลาพูดก่อนล่วงหน้า คนจะไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร แม้กระทั่งเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 ที่เวทีชุมนุมลานพระบรมรูปทรงม้า นายสนธิพูดว่านี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง พ.ต.ท.ทักษิณไปก็ยังต้องต่อสู้กับการทุจริตของนักการเมือง ถึงวันนี้ 5 ปี 7 เดือน ความจริงก็ปรากฎ โดยคนก็ลืมไปว่าเคยมีคนพูดไว้แล้ว
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในวันที่ไอทีวีเกิดกบฏ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ นายสำราญ รอดเพชร ออกจากไอทีวีมาที่ผู้จัดการ วันนั้นนายสนธิ ยังเชียร์พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ตนได้ถามว่าทำไมถึงรับมาทั้งๆที่คนเหล่านี้สร้างความไม่พอใจให้พ.ต.ท.ทักษิณมาก นายสนธิตอบว่าตัวเองเป็นนักหนังสือพิมพ์ เป็นคนอย่างพวกเขามาก่อน เป็นบรรณาธิการมาก่อน แค่มองตาก็รู้ว่าคิดอะไร เป็นคนอย่างไร เหมือนนายสนธิมีสัญชาติญาณบางอย่างว่าต้องการใช้คนเหล่านี้ในวันข้างหน้า สุดท้ายก็จริงๆ
เวลาผ่านมาก็เลยอยากหยิบยกผู้มาก่อนกาลเวลา ที่ต้องเจ็บปวดก่อน เพื่อทบทวนความจำ ขอเริ่มจากเรื่อง ทองคำ นายสนธิได้ชื่อว่าพ่อหมอ มาจากเรื่องราคาทองคำ น้ำมัน ค่าเงิน จนคนมองว่าเป็นนักปั่นหุ้น นักลงทุน ทั้งๆที่ไม่ซื้ออะไรเลย แต่บอกได้ว่าทองคำจะขึ้น
เมื่อ 14 มกราคม 2554 ต้นปีนี้เอง ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ตอนนั้นราคาทองยังไม่ถึงขั้นนี้ ราคาอยู่ที่ประมาณ 19,000 บาท นายสนธิทายล่วงหน้าว่าภายในปีนี้ทองคำจะขึ้นไปถึง 23,000 - 25,000 บาท วันนี้ก็ 26,150 บาทแล้ว
หลายคนบอกว่าแม่นยำเฉพาะวันที่ 14 มกราคม 2554 หรือเปล่า ตนย้อนหลังไปดูเมื่อ 17 กรกฎาคม 2546 นายสนธิกล่าวในงานสัมมนา เรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองของโลกในภาวะปัจจุบัน ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยพูดว่าจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ ต่อไปคนจะเลิกเชื่อถือดอลลาร์ หันไปซื้อทองคำแทน คาดอีก 7 ปี คนที่ซื้อทองคำเก็บไว้จะได้กำไรถึง 150 เปอร์เซ็นต์
ช่วงก่อนหน้านี้นายสนธิมีทองคำ ช่วงวิกฤติที่สุดของผู้จัดการ พนักงานไม่มีเงินเดือน นายสนธิ และภรรยาก็ไปดูทองคำที่มีอยู่ มีเยอะพอที่จะจ่ายเงินเดือนได้ระยะหนึ่ง แต่แทนที่จะเก็งกำไร กลับเอาไปให้หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กำลังจะบอกว่าทั้งๆที่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร ก็ยังมองเรื่องอื่นมากกว่าการแสวงหากำไร
นายปานเทพ กล่าวว่า นายสนธิพูดเรื่องเงินบาทจะแข็งค่ามานานแล้ว ก่อนที่นายธีระชัย (รมว.คลัง) จะบอกว่าแบงก์ชาติขาดทุนทางบัญชี 4 แสนกว่าล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยน พูดมาหลายปีแล้วและก็พูดมาแทบทุกปี ว่าเมื่อไหร่แบงก์ชาติจะเปลี่ยนวิธีคิด ในเรื่องการบริหารเงินสำรอง ไม่น่าเชื่อเรื่องการขาดทุนของแบงก์ชาติพูดมานานแล้ว จนกระทั่งก็ขาดทุนมโหฬารอย่างทุกวันนี้
เรื่องถัดมาคือพลังงานในอ่าวไทย นายสนธิได้เปิดประเด็นนี้ในวันที่ 11 สิงหาคม 2549 นับจากนี้ไป 5 ปีแล้ว ตอนนั้นไม่มีใครรู้เรื่องพลังงานในอ่าวไทยเลย แม้กระทั่งเรื่องเขาพระวิหารก็ไม่มีใครพูดถึง ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ เคยเล่าให้ตนฟังว่าก่อนที่ไทยคดีศึกษา จะทำการศึกษาเรื่องนี้ก็ฟังจากนายสนธินั่นแหละ ที่จุดประกายให้ต้องหาความเชื่อมโยง
ปีนั้นนายสนธินอกจากจะพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์แล้ว ยังยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุด เพื่อเรียกร้องให้ทหารหาญแสดงจุดยืนปกป้องผลประโยชน์ของชาติ จากกรณีเร่งรัดแบ่งเขตทางทะเลไทย - กัมพูชา ตอนนั้นเราไม่เคยระแคะระคายเลย แต่นายสนธิพูดคนแรก
ตอนนั้นคนหาว่านายสนธิคิดมากไปว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะขายหุ้นชินคอร์ปฯ เพื่อไปลงทุนในกิจการพลังงาน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณไปลงทุนที่เกาะกง ในหนังสือที่ยื่นให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายสนธิได้ระบุด้วยว่ามีการเจรจาผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทยกันแล้วระหว่างไทย - กัมพูชา มองไว้ตอนปี 2549 และก็มารู้ในที่สุดว่าเขาไปแบ่งผลประโยชน์กันจริงๆ โดยหลุดออกมาจากทางวิกิลีกส์
หรือกรณีที่นายสนธิพูดเอาไว้เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ถึงการเจรจาลับๆของนายสุเทพ และนายซกอาน พูดไปสื่อก็ไม่เชื่อ สื่อเลยไม่ลง เลยไม่มีใครถามนายสุเทพ จนที่สุดความจริงก็ปรากฎว่าเป็นจริง
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า เรื่องกระบวนการส่งมอบของนายสนธิพูดไว้เมื่อ 3 มิถุนายน 2554 ทุกวันนี้ลองอธิบายปรากฎการณ์ทั้งหมด ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอระบอบทักษิณกลับมา ทุกอย่างพร้อมสานต่อเลยทันที ก็เพราะรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ดำเนินการจัดการให้เสร็จ ทั้งเรื่องพลังงานอ่าวไทย ปราสาทพระวิหาร มันเห็นภาพทั้งหมด
เรื่องสุดท้าย นายสนธิวิเคราะห์การเมืองเอาไว้ตอน 4 กุมภาพันธ์ 2549 ตอนนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในอำนาจอยู่เลย แต่นายสนธิก็พูดว่าโค่นทักษิณไปได้ก็ต้องสู้ต่อกับนักการเมืองที่ทุจริต ใครจะเชื่อว่าสามรถโค่นอำนาจทักษิณได้จริงตอนนั้น และนายสนธิมองไปไกลกว่านั้นด้วยว่าจะมีปัญหาไปเรื่อยๆ จนกว่าประชาชนจะปฏิรูปการเมือง
หลังรัฐประหาร เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2550 นายสนธิคาดการณ์ไว้เลยว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาผ่านรัฐบาลนอมินี ตอนนั้นยังไม่มีพรรคพลังประชาชนเลย ยังไม่ยุบพรรคไทยรักไทย แต่ก็คาดการณ์ไปไกลว่าจะมีตัวแทนไทยรักไทย และพรรคนี้จะครอบงำทหาร ซึ่งก็เป็นจริง พอปี 2551 นายสมัคร ก็กลับเข้าสู่อำนาจ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ไม่กล้าทำอะไรรัฐบาลนายสมัคร ซึ่งก็เกิดขึ้นจริง
สิ่งที่ทำนายเป็นอย่างนั้นทุกประการ จากนั้นเลือกตั้งนายสมัครเป็นรัฐบาล จนกระทั่งในที่สุดก็เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลมาเป็นประชาธิปัตย์ นายสนธิก็คาดการณ์ว่าการที่นายอภิสทธิ์เอาใจนายเนวิน และพยายามตีออกห่างพันธมิตรฯ จัดการดำเนินคดี โดยคิดว่ามีนายเนวิน และทหารหนุนหลัง ประชาธิปัตย์จะสามารถเป็นรัฐบาลต่อจากนั้นได้อีก ในวันที่ 10 มีนาคม 2552 นายสนธิก็บอกว่าถ้าประชาธิปัตย์ดำเนินการตามนี้ จะต้องแพ้แล้วกลับไปเป็นฝ่ายค้าน แล้วเสื้อแดงจะกลับมา ทำแบบที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ตอนนั้นคนคงไม่เชื่อ แต่แล้วก็เป็นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น