วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ระเบิดฆ่าตัวตายในศาลรัฐธรรมนูญ ฝีมือหนอนบ่อนไส้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ??

ถ้า...เครื่องมือที่สำคัญของสังคมหมดความน่าเชื่อถือ สังคมจะอยู่กันอย่างไร แต่หลายครั้งที่มีจุดบกพร่องที่ไม่สามารถอธิบายได้ จากกรณี กล้ายาง หวยบนดิน และอื่นๆ รวมทั้งขบวนการปราบปรามการทุจริต ที่มักปล่อยให้คดีหมดอายุความ ทั้งๆที่เรื่องเพิ่งจะได้รับรู้ ไม่กี่ปี โกงกันเป็นร้อยเป็นพันล้าน คดีอายุสั้น แต่คดีที่เกิดกับประชาชนกลับยืดยาว






ระเบิดฆ่าตัวตายในศาลรัฐธรรมนูญ ฝีมือหนอนบ่อนไส้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ??
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ตุลาคม 2553 00:48 น.
ลำพังค่าขนมที่ทนายความในที่คดีที่ดินรัชดาของ นช. ทักษิณ ชินวัตร หิ้วไปฝากเจ้าหน้าที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็สูงถึง 2 ล้านบาทแล้ว

ค่าใช้จ่าย ในกระบวนการสร้างคลิปทำลายพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่กระทบไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะเป็นเท่าไร จึงจะสมน้ำสมเนื้อกับเป้าที่ประสงค์

ถ้านายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง หมดอิทธิพลบารมีในศาลรัฐธรรมนุญ ต้องเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งอาจจะไม่ได้กลับมาอีก อาจจะถูกตั้งข้อหาในคดีอาญา เสื่อมเสียชื่อเสียง วงศ์ตระกูล และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะถูกปิดปาก ตัดตอน ความเสียหายเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับนายพสิษฐ์ซึง่มีอายุเพียง 38 ปี ยังมีโอกาสทำมาหาได้อีกหลายสิบปี ควรจะมีมูลค่าเท่าไร

แปดหลัก หรือเก้าหลัก เป็นค่าเสียหายที่นายพสิษฐ์สมควรจะได้อย่างเดียว หรือบวกค่า เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็นของผู้อยุ่เบื้องหลังด้วย

พฤติการณ์ ของนายพสิษฐ์ ซึ่งถุกกล่าวหาว่า แอบถ่ายการประชุมปรึกษาคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จัดฉากหลอกให้นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส. ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ ไปพบ เพื่อสร้างเรื่องว่า พรรคประชาธิปัตย์ล็อบบี้ศาลรัฐธรรมนูญในคคียุบพรรค เป็นเรื่องเลวทราม ต่ำช้า และสร้างผลเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อ ภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญ

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นายพสิษฐ์ทำคนเดียว หรือมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง หนอนบ่อนไส้ในศาลรัฐธรรมนูณนั้นมีอยู่แน่ แต่มีอยู่กี่ตัว มีแต่ตัวเล็กๆ เบอร์กลางๆ หรือว่า มีหนอนบ่อนไส้ไซส์บิ๊ก ที่ใหญ่กว่านายพสิษฐ์

ประเด็นเหล่านี้ เป็นเรื่องสนทนากันเงียบๆแต่ดังไปทั่วเมือง โดยไม่มีใครกล้ายกขึ้นมาปุจฉา วิสัชนาอย่างเปิดเผย เพราะเกรงใจศาลรัฐธรรมนูญ

ทันที่ที่คลิปจัดฉาก ทำลายพลเอกเปรม และศาลรัฐธรรมนูณ แพร่อออกไป ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คนคือ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี นายจรัล ภักดีธนากุล นายสุพจน์ ไข่มุกด์ นายบุญส่ง กุลบุปผา และนายจรูญ อินทจาร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันควันว่า นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งปลดนายพสิษฐ์ออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม เพื่อแสดงให้เห็นว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนุญทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายพสิษฐ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

ตุลาการศาลรัฐธรรมนุญมี 9 คน สองคนถอนตัวออกไปจากการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ คือ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ และนายเฉลิมพล เอกอุรุ อีกสองคนที่ไม่ได้มานั่งแถลงด้วยในวันที่ 18 ตุลาคมคือ นายนุรักษ์ มาประณีต และนายชัช ชลวร

ไม่รู้ว่า เพราะไม่ว่าง ไม่อยู่ จึงไม่ได้มานั่งแถลงข่าวร่วมกับตุลาการอีก 5 คนด้วย หรือว่า ตุลาการทั้ง 5 คนนี้ ต้องการตัดตอนตัวเองออกจากเรื่องอื้นฉาวนี้ จึงชิงแถลงข่าวเสียก่อน ไม่บอกให้นายนุรักษ์ และนายชัชทราบ

นายพสิฐ์นั้น เป็นเลขานุการส่วนตัวของนายชัช ที่หอบหิ้วกันมาตั้งแต่นายชัช เป็นอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ที่เชียงใหม่ และว่ากันว่าเป็นหลานของเมียคือ นางธิดา ชลวร แต่คนอาจจะเข้าใจว่า นายพสิษฐ์เป็นเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนุญชื่อ ดร. เชาวนะ ไตรมาส

แต่นายพสิษฐ์ แม้จะไม่ใช่เลขาฯศาล แต่บารมีเหนือกว่าเลขาฯ ตัวจริง ทั้งคนก่อนและคนปัจจุบันสามารถเข้านอกออกในได้ทุกห้อง และทั้งๆที่มิใช่ข้าราชการตุลาการ และไม่มีความรุ้เรื่องกฎหมายเลย เพราะจบเทคนิคการแพทย์ แต่ก็มีรายงานว่า ได้อยู่ในคณะโฆษกของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ก่อนตุลาการรัฐธรรมนุญออกนั่งบัลลังก์ทุกครั้ง นายพสิษฐ์ตจะต้องมาตรวจตราความเรียบร้อย

ในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เขาเรียกนายพสิษฐ์กันว่า "กง กง" ซึ่งเป็นภาษีจีน หมายถึงข้าราชการในราชสำนักที่เป็นพ่อบ้าน และเป็นขันที ไม่มีอำนาจหน้าที่อย่างเป็นทางการที่ใหญ่โต แต่มีอำนาจ อย่างไม่เป็นทางการ มีบารมี อิทธิพล ที่ทุกคนต้องยำเกรง เพราะพูดอะไร ฮ่องเต้ฟัง

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใด ที่ จะมีการตั้งกล้องแอบถ่ายการประชุมของตุลาการ จากที่นั่งของนายพสิษฐ์ เพราะเขาคือ "กง กง" แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายชัช ชลวร ปล่อยให้นายพสิษฐ์ ทำตัวเป็นขาใหญ่ในศาลรัฐธรรมนูญได้อย่างไร จนเกิดเหตุการณ์ที่จงใจจะทำลายศาลรัฐธรรมนุญ โดยตัวเองไม่ระแคะระคายมาก่อน

นายพสิษฐ์ เป็นคนใกล้ชิดของประธานศาลรัฐธรรมนุญ น่าจะขอคำแนะนำจากนายชัชเสียก่อนว่า การกระทำเช่นนี้ นายชัช เห็นเป็นอย่างไร การที่ทำเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่า จะเสื่อมเสียมาถึงผู้บังคับบัญชาแน่อน ถือว่า นายพสิษฐ์ ทรยศต่อนายชัช ชลวร

นายชัช มีความสนิทสนมกับนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา คนสนิทของ นช. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน นายชัชเป็นอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ซึ่งมีเขตอำนาจในการพิจารณาคดีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่านฯลฯ ตั้งแต่ปี 2541-2544 หลังจากนั้นมาเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ระหว่างปี 2544- 2546 ก่อนจะเป็นเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 เป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ในปี 2549 และเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนุญ จากการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2551

แม้จะมีเสียงร่ำลือว่า นายชัช นั้นมีความสัมพันธ์อย่างดีกับ นช. ทักษิณ ชินวัตร แต่การตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชน ที่นายชัช เป็นหนึ่งใน 9 เสียงที่ลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคพลังประชานและตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค ทำให้ต้องฟังหูไว้หู กับข่าวลือนี้

ศาลรัฐธรรมนูญกับ นช. ทักษิณนั้น มีความสัมพันธ์แบบทั้งรัก ทั้งชัง ทั้งหวานและขมขื่น ยามที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า นช. ทักษิณ ไม่ได้ซุกหุ้น ก็ได้รับการแซร่ซร้องจาก นช. ทักษิณ และเครือข่าย ลิ่วล้อว่า ความเป็นธรรมยังมีอยู่ในโลกนี้ แต่พอศาลรัฐธรรมนุญยุคต่อมา ยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน ระบอบทักษิณก็กล่าวหาว่า สองมาตรฐาน

ในตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชน มีข่าว และมีหลักฐานว่า นายพินิจ สุเสารัจ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม คนต่อจาก นายชัช เพื่อนร่วมรุ่นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ วิ่งเต้น ติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน ให้ตัดสินไม่ยุบพรรคพลังประชาชน ประธานศาลฎีกาในขณะนั้นสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ผลปรากฎว่า คดีมีมูล จึงมีคำสั่งสอบวินัย และสั่งพักราชการนายพินิจ แต่ต่อมา คณะกรรมการศาลยุติธรรม ลงมติด้วยคะแนนเสียง 10 งดออกเสียง 4 ว่านายพินิจ ไม่มีความผิดทางวินัย

คลิปวิดิโอ 5 ตอน ที่พรรคเพื่อไทยโหมโรงโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โหมโรงก่อนว่า จะมีการปล่อยคลิปออกมา และกระโจนงับพรรคประชาธิปัตย์หลังจากมีการปล่อยคลิปออกมาทางอินเอตร์เน็ตแล้ว หากยอมให้นายพร้อมพงษศ์จูงจมูกไปให้ความสนใจเฉพาะคลิปตอนที่ 2 ที่คนใกล้ชิดนายชัช หลอกให้นายวิรัช ไปพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็จะมองไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดของคิลปทั้ง 5 ตอนว่า เป็นการเขียนบทไว้ล่วงหน้าว่า

"พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ล็อบบี้ นายชัช ให้เข้าข้างพรรคประชาธิปัตย์ โดยสัญญาว่า จะแต่งตั้งนายชัช ให้เป็นองคมนตรี และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ร่วมมือลงมติไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์"

เป็นแผนการที่เป็นสุดยอดของความชั่วร้าย ที่มีแต่คนในระบอบทักษิณ เท่านั้น ที่จะทำได้ จุดมุ่งหมายหลักนั้นคือ ทำลายประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยบิดเบือนภาพที่เกิดขึ้นตั้งแต่ กกต จะยื่นคดียุบพรรคเสียอีก แล้วเขียนข้อความโกหกว่า เป็นข้อความจากการสนทนา

นอกจากนั้นยังต้องการทำลายศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยการใช้ "ระเบิดฆ่าตัวตาย" โดยนายพสิษฐ์ ตามยุทธวิธี "เมื่อซื้อไม่ได้ ก็ทำลายมันเสียเลย" ด้วยการทำลายภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขนาดคนใกล้ชิดของประธานศาลรัฐธรรมนูญยังเป็นอย่างนี้

วานซืนนี้ เป็นการสืบพยานนัดสุดท้ายในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้เงิน 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้กระบวนการวิธีพิจารณาคดี แบบไต่สวน หากศาลมีข้อสงสัย ไม่เข้าใจ สามารถเรียกพยาน หลักฐานมาสืบเสาะหาข้อเท็จจริง จนหายสิ้นสงสัยได้

การที่ศาลไม่เรียกนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มาเป็นพยานเพิ่มเติม แสดงว่า ศาลสิ้นข้อสงสัยในเรื่องที่ว่า ระหว่าง นายทะเบียน กับ คณะกรรมการ กกต. ใครมีอำนาจสั่งยุบพรรค ซึ่งเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่สำคัญที่สุดในคดียุบพรรค ปชป. และหากประเด็นนี้ เป็นประเด็นชี้ขาดคำพิพากษา ก็น่าเสียดาย ที่จะทำให้สังคมไทยไม่มีโอกาสรับทราบจากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญว่า พยานฝ่ายผู้ถูกร้องในคดีนี้ ที่ ดีเอสไอ ระบุไว้ในสำนวนสอบสวน เป็นพยานจริง หรือพยานเท็จ

การเผยแพร่คลิป 5 ตอน ใส่ร้ายป้ายสีพลเอกเปรม และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการตีปลาหน้าไซ สร้างกระแส หว่านเชื้อปะทุ เพื่อหลอกให้คนเสื้อแดงออกมาชุมนุม หากว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยบิดเบือนว่า ศาลรัฐธรรมนูฯมีสองมาตรฐาน

ไม่ต่างอะไรกับ การหลอก และจ้างให้คนเสื้อแดงมาชุมนุม แล้วใช้กองกำลังติดอาวุธ สังหารคนเสื้อแดง เพื่อโยนความผิดให้กองทัพ เพื่อปลุกระดมคนเสื้อแดงให้โกรธแค้นชิงชัง เผาบ้านเผาเมือง แต่แผนการที่ชั่วช้า มุ่งทำลายบ้านเมือง ไม่มีวันประสบความสำเร็จตามความต้องการของผู้บงการ

และถ้ามีการชุมนุมถึงขั้นก่อการจลาจลรุนแรง โดยอ้างว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้สองมาตรฐาน ผลที่เกิดขึ้นจะไม่แตกต่างจากเมื่อเดือนพฤษภาคม คือ คนเสื้อแดง ถูกหลอกให้มาตายฟรีเป็นครั้งที่ 2

พรรคเพื่อไทยพึงสังวรณ์ไว้ว่า ระเบิดของคนเสื้อแดง ที่สมานเมตตาอพาร์เมนท์ ย่านบางบัวทองทำให้คนเสื้อแดงตายหมู่มาแล้ว คลิปบิดเบือน จัดฉาก เพื่อทำลายสถาบันและศาลรัฐธรรมครั้งนี้ อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายทางทางการเมืองแบบยกพรรคก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น