คนไทยก้อเป็นแบบที่เป็น ลืมง่าย แค้นสั้น หลงกระแส ชอบแห่ทำตามๆกัน เชื่อตามๆกัน คิดตามๆกัน ชอบดูละครน้ำเน่า ชอบดูตลก ชอบดูเกมโชว์ ...
วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) กับคำนาย "อนาคตของประเทศชาติ"
ราชพรหมยาน บรรยายเรื่อง "อนาคตของประเทศชาติ"
เรื่อง : อนาคตของประเทศชาติ
บรรยายโดย..
พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘
ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำ "ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม" และ "เหรียญเอกราช" ไปแจกให้แก่ทหารตามฐานปฏิบัติการชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำการแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง “อนาคตของชาติ” ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา
อนาคตของชาติ
อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า “ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่งสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป”
ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ
คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์
ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ
โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
“กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี
อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่”
และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง
ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล
ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้
รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล
ความแม่นยำของคำทำนาย
เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด
รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ
รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัยรวบรวมกันเป็นการใหญ่
รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้
รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรม ก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน
รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค์ทรงยอมเสียแขนขาดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้
รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า “ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย” ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่างให้บุคคลอื่นเห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร
ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑. จึงจำเป็นต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก
รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อน
พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวน มาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์
รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้นแสนสาหัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต
รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น
สำหรับรัชกาลต่อไป คือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้ว จะได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย
ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?
ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?
เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ
จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้
ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า
พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก”
พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก
ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้
“..อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๕) จะมีฝนเหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศ เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และสมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก
แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล
หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาดสมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน
แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก”
ความแม่นยำของพุทธทำนาย
จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิดต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์
หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบกระเทือนมาจนกระทั่งบัดนี้
มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง
ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะ มีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะเห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และเป็นประเทศสุดท้ายที่พระพุทธศาสนายังเหลืออยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป
พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์
ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า
พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่งพระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน
ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี
ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้ว่า “พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี”
เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่นอยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทยตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่าเมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาสของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร
จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็นหลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า
“เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้
แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกัน สามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลงไปกับคำยุแหย่ของบุคคลผู้มุ่งร้ายต่อชาติบ้าน เมือง”
ดวงทหารคู่กับดวงเมือง
ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตาย เพื่อชาติบ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น
เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัยก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหาร โดยให้ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด
ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยงให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่...ขอให้เราทุกคนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุมรักษาเมืองแล้ว
ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ "ราชาโชค" ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมืองตั้งแต่ เดือนมกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น
เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล
สภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติและประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่าประเทศชาติและประชาชนจะร่ำรวยขึ้น มีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป
เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้น อาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด
ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย
อย่าง น้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสามที่มีในเมืองไทยเรา
ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ
เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน
พอไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู
จึงถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน
เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ
แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า
“เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทยไปลงทะเล
เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น
เขาบอกว่า
น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริตก็จะงุบงิบเอาไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด
เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย เช่น บ่อน้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทยกลายเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย”
ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่
เจ้าเทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขตพม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร
ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง
อาตมาอยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่าเป็นความจริงทุกอย่าง
บริเวณนั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่าเทวดาดำองค์นั้นไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ
ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ให้บ้านเมืองเรามีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว
Download PDF : http://uppic.net/download.php?6fe77f117a1158ec2616c5a79e1dec51
จากนิตยาสารธัมมวิโมกข์ปีที่ 29 ฉบับที่ 320 พฤศจิกายน 2550
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680
วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
MOU 2543 กับผลประโยชน์พลังงาน - นายกตระบัดสัตย์
จริงหรือว่า MOU มีส่วนแบ่งมูลค่ามหาศาล ในธุรกิจ น้ำมัน ?
เปิดขุมทรัพย์ แหล่งน้ำมันไทย-กัมพูชา ข้อครหาพระวิหารแลกบ่อน้ำมั
ยังไม่ทันคลี่คลายว่า "ปราสาทเขาพระวิหาร" เป็นของใคร แต่คำครหา เขาพระวิหารแลกขุมทรัพย์กลา
ภาพ-แท่นเจาะปตท. สผ. ที่รั่ว-ระเบิดในทะเลติมอร์สร้างหายนะใหญ่หลวงกับสภวะแวดล้อมชายฝั่งของ 3 ประเทศ ที่คนไทยไม่รู้สึกรู้สาอะไีร แต่รัฐบาลอินโดนีเซียเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 75,000 ล้านบาท และจะกำลังเป็นปมใจ ในกรณีคนกลางเรื่องปัญหาดินแดน ไทย-เขมร ด้วยแบบนั้นมั้ย !!!
ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า มีนักการเมืองไทยบางคนจะได้
จริงเท็จแค่ไหนยังไม่ปรากฏช
จากนั้นก็มีข่าวว่า อดีตนายกฯ ของไทยจะไปลงทุนทำธุรกิจ ที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา
นายจาม ประสิทธิ์ รมว.พาณิชย์กัมพูชา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กัม
บกัมพูชา แลกกับการเจรจาเรื่องเขาพระ
แต่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีการเกี้ยเซียะ หรือเอาแผ่นดินไปแลกอะไรอย่
สวนแนวทางการบริหารจัดการพื
"พื้นที่ทับซ้อนหรือเจดีเอน
นายนพดล ยืนยันด้วยว่า การเจรจาจะเป็นแบบรัฐบาลต่อ
น่าสนใจว่า หลังมีข่าวเขาพระวิหาร แลกก๊าซและน้ำมัน ไม่นาน นายนพดล ก็ไปเปิดถนนสายที่ 48 ร่วมกับตัวแทนฝ่ายกัมพูชา
ถนนสายที่ 48 เกิดมาจาก "เงินกู้ยืม" ที่รัฐบาลไทยให้แก่กัมพูชา จำนวน 1,200 ล้านบาท พร้อมเงินช่วยเหลืออีก 300 ล้านบาท ในการสร้างสะพานอีก 4 สะพาน
ที่น่าสนใจกว่านั้น คือ ถนนสายนี้จะเชื่อมเส้นทางระ
ถนนสาย 48 จึงเป็นถนนสายหลักที่เชื่อม
สำหรับความคืบหน้าของการแบ่
ในการหารือครั้งนี้ ได้พิจารณาว่าจะใช้หลักพื้น
คำยืนยันของ รมว.ต่างประเทศ แม้จะยืนยันชัดว่า จะไม่มีเอกชนรายใดได้ผลประโ
โดยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระ
การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนผืนน
กระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2544 รัฐบาลไทย (สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ) และกัมพูชา ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข
ใจความสำคัญ ระบุว่า พื้นที่ทับซ้อนเหนือเส้นละต
ต่อมา ในวันที่ 10 สิงหาคม 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ของไทย (ในขณะนั้น) เดินทางไปเยือนกัมพูชาอย่าง
ประเด็นนี้เริ่มมีความคืบหน
แหล่งข่าวในกองบัญชาการกองท
โดยครั้งที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางไปกัมพูชา ก็มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้น
เขามองว่า การเจรจาล่าช้าส่วนหนึ่งน่า
2."อคติ" ของตัวแทนเจรจาฝ่ายกัมพูชาท
ทั้งนี้ การเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์บ
อาฟเตอร์ช็อก ในที่นี้อาจจะมาจากกระแสคัด
หากยูเนสโกยอมชะลอการขึ้นทะ
เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเสียคะแน
ก๊าซ-น้ำมันมหาศาลในพื้นที่
ข้อมูลของ บริษัท เชฟรอน เมื่อปี 2548 ระบุว่า ได้ค้นพบบ่อน้ำมันและก๊าซขน
โดยเฉพาะพื้นที่สัมปทานแปลง
ธนาคารโลก ประเมินว่า แหล่งพลังงานในกัมพูชาน่าจะ
โดยจะสร้างรายได้ให้กัมพูชา
พื้นที่ที่น่าจะมีก๊าซธรรมช
โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันแปลงบี ห่างจากชายฝั่งกัมพูชา 250 กิโลเมตร ไปทางตะวันออก ติดกับเขตน่านน้ำไทยในอ่าวไ
รล
ลอลิง รักชาติ
3-4 มี.ค. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนกั
วปราสาท แต่ไทยอาจถอยเข้ามา 4 กิโลเมตร
25-26 มี.ค องค์การยูเนสโกมีหนังส
้าร่วม
28 เม.ย ก.ต.เผยแพร่ข่าวประชาสัมพัน
ในเดือน พ.ค.
29 เม.ย กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร
ปารีส ประเทศฝรั่งเศษ
6 พ.ค. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติใ
ี่ชัดเจน
12 พ.ค. นายนพดล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าจะเดินทางไปร้วมพิธิเปิด
เส้นทางหมายเลข 48 เกาะกง-สแรอัมเบิล ในวีนที่
14 พ.ค. และจะมีการหารือกับนายกสน อัน เรื่องปราสาทพระวิหาร
15 พ.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร สส.ระบบสัดส่วนพรรคประชาธิป
์ร่วมกันของ 2 ประเทศ
20 พ.ค. นายนพดลรายงานต่อที่ประชุม ครม. ถึงการเตียมเดินทางไปประชุม
แนบท้าย
17.มิ.ย ครม.เห็นชอบคำแถลงการณ์รวมท
ติว่าด้วยอนุสัยญา มรดกโลก
18.มิ.ย นายนพดลลงการลงการแถงการณ์ร
การถูกต้องล้ว และไทยไม่เสียดินแดน
24 มิ.ย. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อป
ยนพลด
28 มิ.ย. ศาลปกครอง กลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคร
าว ห้ามมิให้นายนพดลและ ครม. นำมติครม.วันที่ 17 ไปใช้ประโยชน์
1 ก.ค. ครม. มีแจ้งมติให้คณะกรรมการมรดก
่ายมาตร 190 ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
3 ก.ค. นายนพดลเรียกนายเชลดอนมาชี้
้อง หรือไม่ถูกต้อง
5 พ.ค. นายอภิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีนายนพดล ลงนามร่างแถลงการณ์ร่วมในวั
า ต้องส่งกอ่น 6 สัปดาห์ก่อนการประชุม
7 ก.ค. คณะกรรมการมรดกโลกมีมติให้ป
ัญญาตามรํฐธรรมนูญมาตรา 190
--------------------------
----------------
ข่าวจาก โพสท์ทูเดย์ 10 ก.ค. 51
ท่องเที่ยวสุดฮิต: เกาะเสม็ด ปาย ไปไหนดี หัวหิน ที่พักหัวหิน ที่พักเชียงใหม่ ทัวร์ต่างประเทศ!
ความเห็นที่ 8 โพสเมื่อ : 17 ก.ค. 51 : 17:33 น. โดย : Pui
15 พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
ปมปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
แม้ปราสาทพระวิหารจะได้รับร
ปัญหาสัคัญมาจากการที่ทั้ง 2 ประเทศยึดถือแผนที่อ้างอิงแ
ดังนั้น เพื่อมิให้ประวัติศาสตร์กลั
การแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ยุติ
ข้อมูลจากภาพผนวก 1 ในจุลสารความมั่นคงศึกษา เรื่อง กรณีเขาพระวิหาร โดยโครงการความมั่นคงศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุน ซึ่ง รศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านควมมั่นคง คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาว
2 ประเทศ ถึง 15 จุด
จ.สุรินทร์
จ.สุรินทร์ มีปัญหาพรมแดนติดต่อกับประเ
จ.สุรินทร์ มีหลักเขตแดนทั้งหมด 23 หลัก ตั้งแต่หลักเขตแดนที่ 2-23 มัหลักเขตแดนที่ไม่ สามารถตรวจพบ 6 หลัก คือหลักเขตแดนที่ 2 , 4,5,6 15 และ 16 ส่วนหลักเขตที่ 7 มีร่องรอยการเคลื่อนย้าย ปัญหาควมขัดแย้งที่เกิดขึ้น
สำคัญได้แก่
1. กลุ่มปราสาทตาเมือน เป็นปราสาทหินจำนวน 3 หลัง ตั้งอยู่แนวภูเขาบรรทัดบริเ
ีขนาดใหญที่สุด ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน
2.ปรสาสาทตาควาย ตั้งอยู่ในเขตบ้านทยนิยมพัฒ
จ.บุรีรัมย์
ไม่ปรากฏปัญหาขัดแย้ง หรือข้อพิพาทเกี่ยวกับเส้นเ
จ.สระแก้ว
พื้นที่ จ.สระแก้ว อยู้ในควมดูแลของกองกำบลัง (กกล.) บูรพา ตั้งแต่ อ.ตาพระเยา อ.คลองหาด (หลักเขตที่ 28-51) มีหลักเขตที่สบบรูณ์ 11 หลักเขตสูญหายจำนวน 6 หลักเขต แต่ที่มีเหตุให้เกิดการล้ำแ
ดนคือ
1.บริเวณเขตที่ 31-32 เนิน 48 อ.ตาพระยา-บึงครอกวน อ.ตาพระยา ซึ่งหลักเขตดังกล่าวได้สูญห
ชา
2. หลักเขตที่ 35 บริเวณจุดผ่อนปรนตาพระยา – บึงตรอกวน อ.ตาพระยา ซึ่งหลักเขตดังกล่าวไทยได้ส
งส่วนรุกล้ำเขตแดนกัมพูชา
3.หลักเขตที่ 37-40 บริเวณเขาพนมปะและเขาพนมฉัต
งกัน
4.หลักเขขตที่ 46-48 ต.โนนหมากมุ่น กิ่ง อ.โคกสูง ถูกราษฏรกัมพูชา บ้านโชคชัย จ.บันเตียมัยนเจย ประมาณ 200 คน รุกล้ำเข้ามาปลูกที่อยู่อาศ
ัยในเขตไทย ห่างจากฃายแดนประมาณ 300 เมตร คิดเป็นเนื่อที่ประมาณ 400 ไร่ นอกจากนี้หลักเขตที่ 48 ยังถูกทำลาย
5.พื้นที่บ้านป่าไร่ใหม่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศใกล้หลักเขตที่
านการปฏิบัติในเขตกัมพูชา ใกล้บริเวณดังกล่าว
6.พื้นที่บริเวณจุดผ่านแดนถ
ินและเปลี่ยนทิศทาง
7.หลักเขตที่ 51 บ้านคลองหาด (เขาตาง็อก) ไทยและกัมพูชาต่างใช้แผนที่
้อถอนออกไป
จ.จันทบุรี
1.หลักเขตที่ 51 (พื้นที่รอยต่อ จ.สระแก้ว-จันทบุรี) ไทยและกัมพูชาต่างใช้แผนที่
ร้าง
2.หลักเขตที่ 62 บ้านหนองกก ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งตลิ่งริมน้ำถูกกระแสน้ำ
รติดตั้งหลักเขตชั่วคราว
3.หลักเขตแดนที่ 66 และ 67 บ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน ทั้ง 2 ประเทศต่างอ้างแนวเขตพื้นที
เขตประเทศกัมพูชา
จ.ตราด
1.บริเวณบ้านคองสน บ้านคลองกวาง-ตากุจ อ.คลองใหญ่ บนเส้นเขาบรรด เนื่องจากกัมพูชาได้สร้างถน
นทางอย่างต่อเนื่อง
2.บริเวณบ้านหนองรี อ.เมือง กำลังทหารสังกัด ร้อยปชด.1 พัน ปชด.501 ได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการ
อสร้างอาคารเพิ่มเติม
3.หลักเขตที่แดนที่ 72 และ 73 จุดผ่านแดนถาวร บ้านหาดเล็ก ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ โดยหลักเขตที่ 72 และ 73 จุดผ่านแดนถาวร บ้านหาดเล็ก ต.หาดใหญ่ อ.คลองใหญ่ โดยหลักเขตที่ 72 สูญหาย และมีการอ้างแนวเขตจากหลักเ
้างถาวรในพื้นที่ แต่ กปช.จต.ได้กดดันให้ยุติ
เส้นเขตแดนทางทะเล
ไทยและกัมพูชาประกาศเขตไหล่
งระหว่างหลักเขตที่ 73
ส่วนไทยประกาศเขตไหล่ทวีปเม
างทะเลประมาณ 34043 ตารางกิโลเมตร
วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ทำไมต้อง ... โหวตโน
ทำไมจึงต้องโหวตโน
ทำไมจึงต้องโหวตโน ไล่นักการเมืองชั่ว โปรดอ่าน! ไม่ใช่เรื่องที่แค่กินไม่ได้ถ่ายไม่ออกของชาวบ้าน คุณสาย สว.ระยอง อุทานว่า “น่ากลัวว่ะ แต่เรื่องมันใหญ่มาก ไม่กล้าพูด” ... สส.สาธิต ระยอง บอก “อ๋อเหรอแล้วไง” - ความใส่ใจสนใจของนักการเมือง ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชน - 7 มิถุนายน 2553 ที่มาบตาพุด ก๊าซคลอรีน รั่ว เนื่องจากฐานถังทรุดพังเพราะไม่ได้ตอกเ...สาเข็ม มีคนเจ็บป่วยหลายร้อยคน ขณะนี้เป็นฤดูฝน ฝนตกหนัก พายุลมแรง โรงงานสารเคมีอันตราย และก๊าซไวไฟ จำนวนมาก ของ ปตท. ที่สร้างเสร็จแล้ว เปิดใช้งานแล้ว จะทรุดพังหรือไม่ เป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นขัวญแขวน เพราะ 2 โรงในหลายโรงนั้น คือโรงแยกก๊าซแอลพีจี ที่มีคลังก๊าซแอลพีจีขนาดใหญ่ – นายสุทธิ อัชฌาสัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก บอกว่า ปตท. ชี้แจงแล้วว่า ทุกอย่างปลอดภัยดี ... เชื่อหรือว่า คำชี้แจง จะทำให้โรงงานที่ไม่ตอกเสาเข็ม ทั้งหมด มันจะแข็งแรงขึ้น? ถ้าเกิดเหตุหายนะ แกนนำที่อ้างว่า สนใจใส่ใจสิ่งแวดล้อม นั้น จะรับผิดชอบ ชีวิตผู้คนจำนวนมากได้จริงหรือ ที่เพียงบอกว่า ปตท.พร้อมที่จะจ่ายค่าชดเชย คนเจ็บคนตาย บ้านเรือนถูกเผาทำลาย ... คำตอบที่น่าสะเทือนใจ จากแกนนำฯ ซึ่งเป็น แกนนำ พธม. ระยอง ด้วย
เอกสารตัวจริง ทั้งหมด ส่งให้ สว. รสนา สว.กรุงเทพ พร้อมๆกับ ประธานกรรมาธิการคณะต่างๆ มากกว่า 10 คน ที่บ้านพิษณุโลก ก่อนเข้าพบ อดีตนายกอานันท์ และเรื่องนี้ ส่งให้กับ สื่อมวลชน ที่เอาธรรมนำหน้าอย่าง เอเอสทีวี - มอบให้กับมือ คุณเติมศักดิ์ ไฟล์คอมพิวเตอร์ ฝากใส่ไว้ใน NoteBook อ.เทพมนตรี (แต่สุดท้ายมีคนมาทุบรถขโมยไป) แจกแผ่นปลิว จำนวนมากที่หลัง เวที พธม. แกนนำบนเวที รู้เรื่องนี้แล้ว จำนวนมาก ... หวังว่า สื่อที่เอาธรรมนำหน้า จะใส่ใจเรื่องนี้ แต่ทำไมใยเฉยชา เห็นชีวิตคนมาบตาพุด ไม่ใช่คน หรืออย่างไร - ทั้ง สส. - สว. ก้อไม่เห็นกับความเสี่ยงภัยเสี่ยงตายของชาวบ้าน แล้วจะมี พวกมัน เอาไว้ทำไม นี่มั้ย ... ทำไมต้อง โหวตโน !