นางธิดา กล่าวต่อว่า ในวันนี้ได้นัดแถลงข่าวเวลา 13.00 น. ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว ซึ่งทิศทางของนปช.จากนี้จะเน้นสันติวิธีและใช้เหตุผลต่อสู้ โดยแกนนำต้องการส่งสัญญาณถึงเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศว่า หากจะเคลื่อนไหวอะไรต้องยึดหลักการสันติ และมีสติในการทำงานเพราะเราไม่ต้องการให้เกิดอนาธิปไตย หรือความรุนแรงเพราะหากมีความรุนแรงเกิดขึ้นจะทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น
"เราต้องการให้สังคมเข้าใจว่า เสื้อแดงต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่มีการใช้ความรุนแรงเหมือนที่รัฐบาลพยายามกล่าวหา"
...... ประวัติ หมอเหวง
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ฮือฮากันไปแล้ว แต่ทราบไหมคะ เราน่าจะจัดอันดับเรื่องจริงประเภท 'How Come? เป็นไปได้ไง (ฟระ)' บ้างก็จะดีนะคะ เรื่องประเภทไม่น่าเป็นไปได้ ยกตัวอย่าง คนที่เป็นคอมมิวนิสต์หัวรุนแรง จะมาตั้งตัวเป็นแกนนำเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ...เป็นไปได้ไง(ฟระ)
เช่น คนคนนี้ หมอเหวง
ประวัติ ชื่อตามบัตรประชาชน: นายแพทย์เหวง โตจิราการ ชื่อจัดตั้งในพรรคคอมมิวนิสต์: สหายเข้ม กิจกรรมทางการเมือง: มีบทบาททางการเมืองช่วงเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 โดยก่อตั้งสมาพันธ์ประชาธิปไตยขึ้นมาสนับสนุนการต่อสู้ของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ร่วมกับศ.นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ และครูประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ - ต้นปี 2525 มีการประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่ 4 (หน่วยอีสาน) ณ ภูผาแดง ฐานที่มั่นภูพาน ส.เข้ม ได้รับความไว้วางใจให้เป็น "เลขานุการ" การประชุมฯ ซึ่งครั้งนั้นเขาหวังลึกๆว่า พรรคจะทำการผ่าตัดใหญ่ ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ และเลือกคนรุ่นใหม่เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรค เดือนสิงหาคม 2525 เมื่อการประชุมใหญ่เสร็จสิ้น และมีการประกาศคำแถลงของคณะกรรมการบริหารกลางชุดที่ 4 ครั้งที่ 1 ซึ่งมีคณะกรรมการพรรคฯที่เป็นปัญญาชนรุ่น 14 ตุลาฯ ได้รับเลือกแค่ 3 คนคือ สหายขวาน (พิรุณ ฉัตรวนิชกุล) , สหายกาวน (ชลธิรา สัตยาวัฒนา) และ สหายปูน (ธิดา ถาวรเศรษฐ์) "สหายเข้ม"ผู้ที่ฝากความหวังไว้สูงยิ่ง รู้สึกผิดหวังอย่างแรง โดยเฉพาะประเด็นวิเคราะห์สังคมไทย ที่ตัวแทนสมัชชาพรรคฯส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมติของภาคอีสาน แต่กรมการเมือง พคท.บางคนคัดค้านและดั้นเมฆวิเคราะห์สังคมไทย จึงเขียนบทความขนาดยาวเรื่อง "ลัทธิเลนินกับคณะกรรมการบริหารกลางของพรรคเรา" วิพากษ์วิจารณ์องค์การนำชุดใหม่ เป้าแห่งการโจมตีครั้งนั้นคือ สหายธาร หรือ จางหย่วน หรือ "วิรัช อังคถาวร" ผู้ที่ถูกมองว่ามีอิทธพลครอบงำพรรค ซึ่งก็มีเสียงนินทาลับหลังว่า หมอเหวงไม่ได้เป็นกรรมกลางกลางจึงเคลื่อนไหวโจมตีพรรค - ปี 2526 สหายเข้มหรือ หมอเหวงประกาศแตกหักกับพรรค ด้วยการเขียนหนังสือ "ป่าแตก" ร่วมกับ ธิดา ถาวรเศรษฐ์ จากหนังสือเล่มดังกล่าว จึงนำมาซึ่งวิวาทะผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ระหว่าง "สหายเข้ม" กับ "สหายขวาน" อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเลิกรากันไป หลังจากผู้นำสูงสุด(กลุ่มใหญ่)ของ พคท.ถูกจับกุมตัว - หมอเหวง มีบทบาทในฐานะนักเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อประชาธิปไตย จวบจนถึงวันที่มีการลุกฮือขับไล่ทักษิณ หมอเหวงยังสงวนท่าที เพราะไม่เห็นด้วยกับคำขวัญ "คืนพระราชอำนาจ" ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หมอเหวงก็ขึ้นเวทีปราศรัยในประเด็นคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อถึงจุดเปลี่ยนของสถานการณ์ เมื่อพันธมิตรฯชูประเด็น "นายกฯมาตรา 7" นั่นคือเป็นจุดเริ่มของความขัดแย้งอย่างรุนแรงในกลุ่มซ้ายเก่า รวมถึงอดีตสมาชิก พคท. ที่แตกขั้วความคิดออกเป็นสองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกหนุนให้ล้างระบอบทักษิณ เพราะเชื่อว่า"ศักดินาที่ล้าหลัง ดีกว่าทุนใหม่ที่สามานย์" เรื่องที่น่าผิดหวังของหมอเหวง 1. ช่วงที่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์นั้น หมอเหวงได้เป็นคนใกล้ชิดของลุงธง แจ่มศรี ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรค แม้ว่าจะถูกหมอเหวงนำชื่อไปอ้างก็ตาม แต่ลุงธงก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยแล้ว 2. เมื่อปี 2525 ที่มีการประชุมสมัชชาครั้งที่ 4 หมอเหวงที่หวังว่าจะเข้าเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็ไม่ได้รับเลือกแต่อย่างใด 3. เมื่อวันที่ 5 - 6 พ.ค. 2550ที่ผ่านมา พคท.ได้จัดงาน เรียกว่า รวมรุ่นนายร้อยเวียดนาม 08 – 09 ที่อนุสรณ์สถานภูพาน อ.เขาวงศ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรวมกลุ่มสหายนักรบดาวแดงที่ผ่านการฝึกอบรมจากโรงเรียนนายร้อยของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และแจกแถลงการณ์ของพรรคในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ปรากฎว่าเขาพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในแง่บวกมากและเขาไม่ได้เอาด้วยกับกลุ่มคุณทักษิณ ชินวัตร ความเป็นไปของพคท. (โดยสังเขป) กลุ่มที่สอง คือสายอีสาณ นำโดยลุงปรีดา หรือวินัย เพิ่มพูนทรัพย์ กับลุงขจัด สมลีพรหมพินิจ กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มเล็กๆนำโดย สหายเข้ม กับสหายปูน (หมอเหวง กับ ภริยา) รวมทั้งหมอพรหมมินทร์ เลิศสุริยเดชและพวก ซึ่งต้องการจะฟื้นฟูพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่ตามแนวที่ตนต้องการ โดยเห็นว่าทุนนิยมสามานย์ดีกว่าศักดินาล้าหลัง แต่ทั้งสองสายแรกไม่เอาด้วยกับกลุ่มเล็กๆของหมอเหวง คงเพราะเห็นว่า "ศักดินาที่ล้าหลัง ยังดีกว่าทุนใหม่ที่สามานต์" ในอดีต เคยมีการเถียงกันตั้งแต่วันก่อนเสียงปืนแตก ปี 2508 ว่าสังคมไทยเหมาะหรือไม่ที่จะเปิดการต่อสู้ด้วยอาวุธขึ้นมา ธงของพรรคคอมมิวนิสต์ควรจะเป็นธงแดงมีตราฆ้อนเขียวหรือควรจะเป็นธงชาติไทยและมีตราฆ้อนเขียวประกอบ และจะติดเหรียญประธานเหมาเจ๋อตุงหรือถือหนังสือคติพจน์ประธานเหมาหรือเปล่า ปรากฎว่าแนวทางปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนซึ่งทำให้คนตายไปจำนวนมหาศาล ประสบชัยชนะ พรรคคอมมิวนิสต์ไทยเลยถูกครอบงำแนวทางซ้ายจัดแนวทางนี้ก็สะท้อนมายังขบวนการนักศึกษาในขณะนั้น (ประวัตินี้อาจไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ละเอียดเท่าใดนัก |
มุมสะกิดสะเก็ด(แผล) (1) ที่มา: ความคิดเห็นคุณพรรณชมพูแห่งเสรีไทยดอทคอม http://forum.serithai.net/index.php?topic=14565.msg191274 แล้วสหายไท พ่อใคร???? |
อ้างถีง:
1) http://www2.manager.co.th/Politics/PoliticsQAQuestion.asp?QAID=746
2) http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=69890
3) http://www.thaioctober.com/forum/index.php?topic=4.msg11573
4) http://www.innnews.co.th/innexct/mar50_v34/p8.php
5) http://forum.serithai.net/index.php?topic=12876.msg173337
6) http://www.spiceday.com/index.php?name=Forums&file=viewtopic&t=8123
7) http://www.thaioctober.com/forum/index.php?topic=4.msg15946
8) http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/03/WW65_WW65_news.php?newsid=62522
9) http://www.prd.go.th/prdboard/view.php?qID=214
10) เสียงหมอเหวงดีเจมะลิ http://www.thaksinfc.org/index.php?showfile=1&fid=3&p=downloads&area=1&categ=6 ไม่ได้เอามาลงให้ฟังกัน แต่สามารถคลิกลิงค์ไปฟังได้เองค่ะ ดีเจมะลินี่ เป็นพิธีกรหลักคนหนึ่งของค่าย นปก เชียวนะคะ
11) http://forum.serithai.net/index.php?topic=14565.msg191274
โห มีคนพูดถึงหมอเหวงเยอะเหมือนกันนะนี่
โดย ปิรันญ่าว่า กันว่า วันที่มีการแถลงข่าวปรับโครงสร้าง นปช.ให้ ธิดา รักษาการประธาน นปช. เป็นวันเดียวกับในอดีตที่เป็นจุดเริ่มต้นของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
“สหายปูน” ที่เคยระหกระเหินไปใช้ชีวิตในป่านานกว่า 8 ปี กลับมามีบทบาทชักธงรบอีกครั้งในฐานะหัวหน้ากลุ่ม นปช.
ในวันเดียวกันแม้แตกต่างในห้วงเวลา แต่วิธีคิดยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง
อดีต กรรมการสำรองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอย่าง “สหายปูน” ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตอาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงไม่ใช่คนสมองกลวงที่ใคร ๆ จะดูถูกได้
ที่สำคัญคือ เธอมิใช่สายพิราบ แต่เธอคือ พิราบ ปากเหยี่ยว ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสายเหยี่ยวตัวจริงเสียอีก เพราะฉากหน้าอหิงสา สันติ แต่ทุกวันนี้เธอก็ยังจิกกินซากศพไพร่แดงเพื่อหล่อเลี้ยงขบวนการนอกรีตของตัว เองเอาไว้
ใน ขณะที่เธอเรียกหาเสรีภาพให้สามีตัวเองที่ยังนอนในคุก กลับไม่เคยปรากฏถึงความพยายามในการช่วยเหลือไพร่พลแดงที่ยังซุกตัวเงียบ ๆ ไร้คนเหลียวแลอยู่ในตารางอีกกว่าร้อยชีวิต สะท้อนถึงความที่ไม่ควรค่าแก่การยกระดับเป็นผู้นำ
แต่เมื่อเธอคือคนที่ถูกเลือกก็น่าสนใจติดตามดูวิธีคิดว่า “ธิดาแดง”ภรรยาเหวง เหวง จะใช้ยุทธศาสตร์ใดมาขับเคลื่อน นปช. ในยุคที่ คางคกตู่ จะเปลี่ยนบทบาทตัวเองลงเป็นแค่ “เงาอสูร”เท่านั้น
ก่อนที่เสื้อแดงจะเผาเมืองรอบสองในช่วงเมษา-พฤษ ภาที่ผ่านมา “ธิดาแดง” ในฐานะครูใหญ่ของโรงเรียน นปช. เคยแจกจ่ายเอกสารให้กับมวลหมู่สมาชิกในชื่อ “ยุทธศาสตร์สองขาของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” มีเนื้อหาแสดงให้เห็นความยึดโยงระหว่างมวลชนเสื้อแดงกับพรรคการเมืองซึ่งก็ หมายถึงพรรคเพื่อไทย ยืนหยัดเป็นสองขาร่วมกันเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศ
แค่ ชื่อของเอกสารที่สอดรับกับยุทธศาสตร์ใหญ่ในการเคลื่อนไหว “แดงทั้งแผ่นดิน” ก็บ่งบอกชัดแจ้งแล้วว่า “ธิดาแดง” คือ มันสมองของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด การเปลี่ยนผ่านผลัดผ้าใหม่เลิกใช้บุคลากรจากฝ่ายการเมืองมาทำงานภาคประชาชน
ด้าน หนึ่งเป็นความพยายามก้าวข้ามทักษิณของฝ่ายซ้าย ที่เปิดเผยตัวเองออกมาหน้าฉากในภาวะที่คิดว่าสถานการณ์เริ่มสุกงอมมากพอโดย ไม่ต้องอาศัยทักษิณมาเป็นตัวชูโรงเพื่อเรียกคนอีกต่อไป
เป็นการแสดงออกว่าคนเสื้อแดงที่มีทักษิณเป็นปานดำติดตัวมาตั้งแต่เกิดตามสำนวนของ จรัล ดิษฐาอภิชัย กำลัง ลอกคราบขูดปานดำออกจากตัว พยายามแสดงบทบาทว่าต่อไปจะไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อทักษิณเพียงคนเดียว แต่ขบวนการนี้จะร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศ
ด้วยการปฏิวัติจากประชาชนโดยกำหนดเวลา 5 ปี ถึงเป้าหมาย ใช้ช่วงเวลาจากนี้ไปนวดสถานการณ์สร้างชุดความคิดใหม่ที่เป็นอันตรายต่อ สถาบันหลักของชาติ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอนาคต
ใน อดีต “ธิดาแดง” และสหายอีกจำนวนมากต่อสู้ตามอุดมการณ์บนวาทกรรม “ศักดินาล้าหลัง” มาวันนี้ “สหายปูน” และเพื่อนร่วมแก๊งยกระดับจาก “ศักดินาล้าหลัง” มาเป็น “โค่นล้มอำมาตยาธิปไตย” ซึ่งชัดเจนว่า ความหมายของอำมาตย์นั้นไปไกลเกินกว่าที่จะหยุดยั้งอยู่แค่ “สถาบันองคมนตรี”
สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สกัดให้ทันท่วงที คือ การเผยแพร่ข้อมูลให้ร้ายสถาบันหลักของชาติ ซึ่งจะมีการนำเสนอผ่าน
“เวปซ้าย” หลากหลายชื่อเปลี่ยนสมญานามไปเรื่อย ๆ เพื่อหนีเงื้อมมือของกฎหมาย
เอกสาร ที่มีการเผยแพร่จะมีทั้งที่เขียนในเชิงนิทาน เรื่องเล่า บทความเสียดสี ซึ่งไม่ว่าจะมาในรูปลักษณ์ใดล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ให้ข้อมูลเท็จจาบจ้วงสถาบันหลักของชาติเพื่อสั่นคลอนศรัทธาจากประชาชน
เรา เห็นบทเรียนจากพลานุภาพของโลกในยุคข้อมูลข่าวสารผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มาแล้ว ทั้งจากกรณีคลิปตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไปจนถึง การแฉข้อมูลลับของ วิกิลีคส์ ซึ่งแม้แต่ สหรัฐอเมริกาก็ยังปวดเศียรเวียนเกล้าจำนนต่อเครื่องมือไฮเทคที่ตัวเองสร้าง ขึ้น โดยไม่ทันคิดว่าคอมพิวเตอร์ที่ทำเงินมหาศาลให้กับสหรัฐจะกลับกลายมาเป็น อาวุธร้ายทำลายตัวเอง
ถึง เวลาแล้วที่กระทรวงไอซีทีต้องทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายความมั่นคง และควรมีชุดเฉพาะกิจแฮคเร็ว คอยติดตามความเคลื่อนไหวบนโลกไซเบอร์ของพวกเวปซ้าย เพื่อปิดช่องทางการทะลุทะลวงส่งผ่านข้อมูลพิษล้างสมองประชาชน
ส่วน กทช. ซึ่งดูแลวิทยุชุมชนก็ต้องประสานงานต่อเนื่องกับฝ่ายความมั่นคงเช่นเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้วิทยุชุมชนไปให้ข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายสถาบันหลักของชาติ ปลุกปั่นให้คนไทยหลงผิดคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองตามที่มีใครบางคนวางแผน ไปสู่ รัฐไทยใหม่
ขณะ เดียวกันก็ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคน กลุ่มนี้ว่า นอกจากจะท้าทาย วอนนอนคุกแล้ว คนเหล่านี้ยังมีพฤติกรรมเข้าข่าย ควรนอนคุก จากความคิดที่เป็นกบฏต่อแผ่นดินอย่างไร
ซี ดีอุบาทว์ที่ไล่แจกกันทุกครั้งระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดง มีเนื้อหาอย่างไรไม่ขอสาธยายถึง บอกได้แต่เพียงว่าเป็นความพยายามที่เล็งไปถึงอนาคตซึ่งผูกโยงกับสถานการณ์ สำคัญของบ้านเมือง ที่คนเหล่านี้คิดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนผ่านและเป็นโอกาสให้หน่อเนื้อเชื้อโรค ร้ายแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วกัดกินประเทศไทยไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่อำนาจ เปลี่ยนมือ
จริง อยู่ว่า ทุกสังคมต้องมีการพัฒนาและทุกองค์กรก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ แต่รากฐานของประเทศที่ต้องรักษาไว้ คือ
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องดำรงอยู่คู่บ้านเมืองต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น