ช่วงนี้ ประเด็นข่าวการเมืองที่ถือว่า ร้อนแรง ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า "ปรอทแทบแตก" อยู่ในความ สนอกสนใจ ของพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ แน่นอนว่า หนีไม่พ้น กรณี "คลิปเสียงฉาว" ที่หลุดออกมาในสื่อฯทุกแขนง ที่มีเสียงของชาย 2 คน พูดคุยกัน ว่ากันว่า คนแรก คือ เสียงของ "นายใหญ่" แห่งพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะถูกยึดอำนาจ จากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ปี 2549 ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ไปพร้อมกับ คดีความต่างๆ ผุดขึ้นมามากมาย ราวกับดอกเห็ด มีทั้งที่ตัดสินแล้ว และคดียังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมหลายสิบคดี
ส่งผลให้เจ้าตัวไม่ สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ขณะที่ล่าสุด มีการเรียกร้องจากหลายฝ่าย ไปยังรัฐบาลให้ต้องมีกระบวนการพิสูจน์ว่าคลิปเสียงดังกล่าว เป็นของตัดต่อ หรือเป็นคลิปเสียงของจริง โดยต้องเปิดเผยข้อมูลการตรวจกับประชาชน
ส่วนเสียงในคลิปฯอีกคน ว่ากันว่า คือ เสียงของอดีตนายทหารชั้นใหญ่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ซึ่งตอนนี้ได้มาเป็น รมช.กลาโหม อยู่ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ปู5) โดยเนื้อหาการสนทนา เป็นการพูดคุยเรื่องทางการเมืองในทุกๆ เรื่อง ไล่มาตั้งแต่ สั่งคนใกล้ชิด ดัน ก.ม.นิรโทษกรรม เป็น พ.ร.ก. เพื่อพาตัวเองกลับบ้านโดยเร็ว ถ้าทหารเอาด้วยทุกอย่างจบ จนไปถึงวางแผน เสนอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ระดับ "ป๋า" ของประเทศ ให้ตั้งตน เป็นที่ปรึกษาสำนักทรัพย์สินฯ หลังกลับเข้าประเทศ เพื่อการันตีว่า ตนจะไม่หวนคืนการเมืองอีก
เรียกได้ว่า พอคลิปฯดังกล่าว หลุดออกมาเท่านั้น ก็ทำให้รัฐบาล ที่เพิ่งจะปรับครม.มา ถึงกับ ซวนเซ ไปไม่น้อย ไม่นับรวม กรณี พ.ร.บ.บริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน หรือ จะเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ที่ยังค้างอยู่ในการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร แถมมีเรื่อง ทุจริตจำนำข้าว 2.6 แสนล้าน ที่ต้องเรียกว่า "หนักหนาสาหัส" รัฐบาลยังแก้ปมไม่ตก
โดยเฉพาะ ความพยายามเดินทางกลับประเทศ ถ้าคนในคลิปเสียง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง จำกันได้ นับแต่เจ้าตัว เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ปี 2551 จนปรากฏเหตุการณ์อันโด่งดัง ที่คนไทยทั่วประเทศ จำได้ไม่ลืม คือ พ.ต.ท.ทักษิณ "ก้มลงกราบผืนแผ่นดิน" ที่ "สนามบินสุวรรณภูมิ" ทันทีเมื่อเท้าสัมผัสแผ่นดินแม่ หรือ มีบางสื่อฯในขณะนั้น รายงานถึงขั้น "ก้มลงจูบแผ่นดิน" ด้วยซ้ำ
จนมาถึงวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องขออนุญาต "ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เดินทางออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2551 โดยระบุว่า จะเดินทางไปชม มหกรรมแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติ "โอลิมปิกเกมส์" ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วจะเดินทางกลับมาประเทศไทยในวันที่ 11 ส.ค. ในปีเดียวกัน แต่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้เดินทางกลับมาสู่ผืนแผ่นดินแม่อีกเลย หากนับวันนั้น จนถึงวันนี้ ก็ถือว่า กำลังจะครบรอบ 5 ปีเต็ม ที่ นายใหญ่พรรคเพื่อไทย ต้องระเห็จไปอยู่นอกประเทศ
สำหรับมูลเหตุที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องกลายเป็น "เจ้าไม่มีศาล" อยู่เฉกเช่นในปัจจุบัน ก็อย่างที่ทราบกัน เนื่องจาก ใน พ.ศ. 2549 เกิดการประท้วงใหญ่ของกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นชนวนสำคัญทำให้เกิดการปฏิวัติ 19 ก.ย.2549 โดยคณะนายทหาร ซึ่งเรียกตนเองว่า"คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ" (คมช.) ทำรัฐประหาร ล้มอำนาจรัฐบาลทักษิณ ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ต่างประเทศ และต่อมา เกิดการตัดสิน ยุบ พรรคไทยรักไทย ด้วยข้อหาโกงการเลือกตั้ง พร้อมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นเวลา 5 ปี ขณะที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ คมช.แต่งตั้งขึ้น ได้สั่งอายัดทรัพย์สิน ของพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น เป็นจำนวน 76,000 ล้านบาท โดยข้อหาอ้างว่า "ร่ำรวยผิดปกติ"
หลังจากนั้น ศาลคดีนักการเมือง ตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี จากคดี "ทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก" และต่อมายังถูกมองว่า เป็นผู้สนับสนุนเงินทุน อยู่เบื้องหลัง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในปี พ.ศ. 2552 และปี 2553 โดยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้นที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีและมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ ได้สั่งเพิกถอนหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยอ้างว่า มีบทบาทในกลุ่ม นปช.ระหว่าง เหตุการณ์ไม่สงบช่วงสงกรานต์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังได้วินิจฉัยให้ทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิด มูลค่าถึงราว 46,000 ล้านบาท จากที่ คตส.อายัดไว้ 76,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 อีกด้วย
แล้ว มาถึง อดีตนักการเมืองผู้กว้างขวาง โด่งดังอีกคน ของ จ.สมุทรปราการ ดูไปก็มีความคล้ายคลึงกัน เพราะสุดท้าย ก็ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ เช่นเดียวกัน จากความผิด "คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน" บอกถึงตรงนี้ คอการเมืองที่ติดตามข่าวมานาน หลายคน คงร้องอ๋อ! เป็นผู้ใดไปไม่ได้ นอกจากบุรุษ ที่มีนามว่า นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย และที่ปรึกษาพรรคเพื่อแผ่นดิน ทั้งยังเป็น อดีต ส.ส. สมุทรปราการ ถึง 10 สมัย
ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2551 ในคดี "ทุจริตจัดซื้อที่ดินโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน" ที่ นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดินมีความผิด จากการใช้อำนาจข่มขู่ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่น ร่วมออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่ เทขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่สงวนฯหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ
ศาลฯ พิพากษาลงโทษ จำคุก จำเลย 10 ปี ริบ พระผงสุพรรณเลี่ยมทองของกลาง พร้อมกับออกหมายจับ เพื่อติดตามตัวจำเลย มารับโทษ ต่อมานายวัฒนา ได้ยื่นขออุทธรณ์คดีดังกล่าว แต่ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ โดยนับตั้งแต่ผู้ต้องหาหลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาในคดี ทุจริตที่ดินคลองด่าน ครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2551 และหายตัวไปเป็นปริศนา นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครพบเห็นนายวัฒนาในประเทศไทยอีกเลย ยกเว้น คนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มีรายงานว่า เขาปรากฏตัวในประเทศกัมพูชา ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และจีน
จนวันที่ 23 ก.ค. 2555 สื่อมวลชน รายงานข่าวว่า พบนายวัฒนา ในฐานะนักโทษหลบหนีคดี ปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกที่ วัดพุทธแห่งหนึ่ง ในเมืองลั่วหยาง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของ มณฑลเหอหนาน ภาคกลางของประเทศจีน เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2555 หลังจากที่หลบหนีโทษจำคุกในคดีทุจริตเมื่อ 4 ปีก่อน โดยนายวัฒนา ยังได้ใช้เงินส่วนตัวกว่า 200 ล้านบาท สร้างวัดไทยในประเทศจีน โดยให้ชื่อวัดว่า "วัดเหมอัศววาราม" ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ วัดไป๋หม่าซือ ซึ่งเป็นวัดจีนเก่าในเมืองลั่วหยาง โดยใช้เวลาก่อสร้างวัดประมาณ 2 ปี จึงแล้วเสร็จ
หากสังเกตให้ดี ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และนายวัฒนา 2 นักการเมืองใหญ่ผู้โด่งดัง รายหนึ่งตัดสินใจ ขออนุญาตศาลฯเดินทางไปชม กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน แล้วก็ไม่เดินทางกลับมาอีก ซึ่งอีกไม่นาน ศาลฯก็มีคำตัดสิน ให้มีความผิดใน คดีทุจริตที่ดินรัชดา ส่วนอีกราย จู่ๆ ก็หายตัวไปดื้อๆ หลังศาลฯเตรียมอ่านคำพิพากษา คดีที่ดินบ่อบำบัดน้ำเสีย คลองด่าน แม้จะเป็นคนละคดี แต่มูลเหตุก็มาจากข้อหาการทุจริตคอรัปชัน ไม่ยอมรับความผิดตามที่กระบวนการยุติธรรมได้ตัดสินไปแล้วเช่นกัน ซึ่งทำให้บุคคลทั้งสอง ไม่สามารถเดินทางกลับสู่ อ้อมอกแผ่นดินแม่ ตราบจนถึงทุกวันนี้ ...
ไทยรัฐออนไลน์
- โดย ไทยรัฐออนไลน์
- 10 กรกฎาคม 2556, 05:30 น.