วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กระชากหน้ากากใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์...?

เอามาไว้ตรงนี้ อีกที่ กันคนไทยหลงลืม ...

กระชากหน้ากากใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์...? ที่นี่ที่เดียว

ขณะที่ฝ่าย ค้านเปิดคลิปวิดีโอเพื่อหวังจะ “ขึงพืด” ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภาต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ซึ่งประเด็นที่ทำให้สังคมไทยต้องกลับมาถกเถียงเรื่องคลิปที่ว่าด้วยความ กังขาอย่างหนักก็คือ 2 เรื่องหลัก 1.ใครยิง 6 ศพ ในวัดปทุมฯ กับ 2.ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์

ทีม ข่าวไทยรัฐ ออนไลน์ เปิดปฏิบัติการวีรบุรุษสีกากีกลุ่มหนึ่ง อย่าเรียกว่าปิดทองหลังพระ แต่เป็นการทำด้วยจิตวิญญาณ ของความเป็นตำรวจไทยน้ำดีผู้พิทักษ์สินติราษฎร์ของแท้ ไม่ใช่ของเทียมอย่างที่เห็นชอบโชว์เอาหน้าออกโทรทัศน์ กันอยู่เป็นประจำ ช่วงมีเหตุการณ์รุนแรงก็กบดาน พอสถานการณ์สงบก็ออกทีวีลอยหน้าลอยตา

มี มืด ก็มีสว่าง มีรวย ก็มีจน มีตำรวจเลว ก็มีตำรวจดี เมื่อพูดถึงตำรวจ เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองทำให้ตำรวจถูกหาว่าเกียร์ว่าง บางคนก็ว่าไม่ใช่เกียร์ว่าง แต่เข้าเกียร์ถอยหลังต่างหากแถมเป็นตำรวจมะเขือเทศ แต่อย่างที่ว่า เมื่อมีมืด ก็ย่อมต้องมีสว่าง มีตำรวจเลวก็ต้องมีตำรวจดี

นี่คือเหตุการณ์จริงๆ ก่อนและหลังห้างเซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผาที่ “นักการเมือง” ไม่กล้าเล่าในสภา…!

ภารกิจลับที่ 1 ความจริงวันนี้... เปิดโฉมหน้าคนเผา ช่วยตัวประกันเซ็นทรัลเวิลด์

ก่อน ศึกการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะเริ่มขึ้นไม่กี่ วันเรามีโอกาสได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เจ้าของพื้นที่ สน.ปทุมวัน และ พล.ต.ต.วิทยา รัตนวิชช์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เล่าเบื้องหลังการลุยไปช่วยตัวห้างเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 ให้ฟังว่า

ภารกิจลับนี้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น.หลัง จากที่ได้รับแจ้งจากที่พนักงานของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ตกอยู่ในอันตราย โทรมาขอความช่วยเหลือ เพราะพวกเขาไม่สามารถหลบหนีลงมาที่ด้านนอกห้างได้ เนื่องจากมีผู้ที่ไม่หวังดีบางกลุ่มที่อยู่บริเวณชั้นหนึ่ง ซึ่งมีท่าว่าจะเข้ามาปล้น เผาห้าง ยิง-โยนระเบิดสกัดไม่ให้หลบหนี ซึ่งแรงระเบิดทำให้ทีม รปภ.ที่เข้าไปขัดขวางทำให้บาดเจ็บหลายคน
หลังจากได้รับ แจ้งแล้ว พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ที่วังสระปทุม ร่วมกับ พ.ต.ท.สุรกาญจณ์ นาคสิงห์ รอง ผกก (จร.) สน.ยานนาวาจึงได้ตัดสินใจกับ พ.ต.ท.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ รอง ผกก.ปป.สน.พลับพลาไชย 1 แบ่งกำลังหนึ่งหมวด (ราว 40 นาย) รุดไปที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือทันที พอเขาเห็นพวกเรา ปรากฏว่าเขาใช้ระเบิดปิงปองและประทัดยักษ์สู้ เราก็ใช้ระยะเวลารุก ทั้งหมอบคลานเพื่อยิงปืนรุกเรื่อยๆ ชุลมุนอยู่นาน หลังจากที่รุกหนักจนเขาถอยร่น ที่สุดแล้วก็สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุร้ายที่เตรียมจะเผาห้าง ซึ่งหลบอยู่ตามชั้นในห้างเวิลด์เทรดมาได้ถึง 9 คน กับของกลางเช่นสายกระสุนปืนกล เครื่องประดับที่โจรกรรมภายในห้างมาอย่างมากมาย

เมื่อภารกิจบุกเข้า ไปเสร็จสิ้น พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ ได้คุ้มกันพนักงานของห้างที่หลบอยู่ที่ลานจอดรถชั้น 3 รวมแล้วมากถึง 471 คน ซึ่งของที่อยู่ในห้างนั้นก็โดนรื้อ-ทุบกระจุยกระจายตำรวจก็ยิงเปิดทางนำ พนักงานที่ติดอยู่ในนั้นกลับออกมาจากเซ็นทรัลเวิลด์ หนีออกมาทางด้านหลังโรงแรมแล้วก็มาทะลุหลังพารากอนมาเรื่อยๆ จนออกมาสู่ ถนนพระราม 1 ท่ามกลางห่ากระสุนและความร้อนจากไฟที่กำลังโหมไหม้ห้างบริเวณราชประสงค์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีรถดับเพลิงเข้ามาวิ่งวนอยู่รอบๆ ตัวด้วยความปลอดภัย

ภารกิจลับบทที่ 2 : ฝ่าห่ากระสุน ลุยดับไฟเพลิง...!

หลัง จากคืนอิสรภาพและความปลอดภัย ให้กับพนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ ภารกิจของ พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ผู้มีส่วนสำคัญในการปฏิบัติฝ่าห่ากระสุนที่บริเวณราชประสงค์เพื่อกรุยทางนำ รถดับเพลิงเข้าไปดับไฟที่โหมแรงที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ และ บิ๊กซี ก็ต้องเริ่มต้นต่อ

“ขณะเรานำกำลังกลับไปประจำการที่เดิม ตอนนั้นเราเริ่มได้ข่าวว่ามีการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ที่ด้านล่าง โรงหนังสยาม และที่ใกล้ๆ ละแวกนั้นหลายแห่ง แต่รถดับเพลิงที่เข้าไปดับเพลิงบริเวณนั้นไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากพอเข้าไปก็โดนยิงสวนจากคนที่อยู่บริเวณนั้นกลับมาทันที อีกทั้งยังมีกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่อยู่ในวัดปทุมฯ มากมาย ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้มาก คือนำกำลังออกไปแต่ต้องล่าถอยกลับ เนื่องจากผู้ดูแลพื้นที่คือทหารยังไม่เคลียร์ ฉะนั้นเราไม่รู้ว่าจะมีผู้ก่อเหตุซุ่มยิงอยู่หรือไม่ การประสานงาน ณ ขณะไฟไหม้นั้นก็สับสน ทำให้ไม่มีหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพ”
พ.ต.อ.ฤชากร เล่าต่อว่า เหตุการณ์ตอนนั้นมันมั่วมากๆ (เน้นเสียง) รถดับเพลิงก็เข้าไปดับไฟไม่ได้เพราะว่า พนักงานดับเพลิงที่เข้าไปบริเวณนั้นโดนกลุ่มผู้ชุมนุมเอาปืนจ่อหัวไม่ให้ เข้าไป จึง ตัดสินใจเข้าไปในพื้นที่ แต่ทหารบอกว่ายังเคลียร์พื้นที่ไม่ได้ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นไฟไหม้ต่อหน้าเช่นกัน ที่สุดแล้วก็ต่อโทรศัพท์นานมากจนได้คุยโทรศัพท์กับท่านสุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านถามว่าต้องการอะไร ก็บอกว่ารถดับเพลิงและกำลังทหาร จากนั้น 1 ชั่วโมงรถดับเพลิงก็มา

“ผมก็เดินหน้านำกองร้อยนำรถดับเพลิงไปเลย ทั้งๆ ที่มืดแบบนั้น ถามว่ากลัวไหมบอกได้เลยแบบไม่อายว่ากลัวเหมือนกัน รอบๆ ตัวผมได้ยินเสียงปืน มีควันไฟเต็มไปหมด เดินทะลุประตูน้ำ เข้าแยกราชดำริ แต่ละย่างก้าวที่พวกเราจะเดินไปมันลำบากมากๆ (เสียงสั่น) นี่เล่าแล้วยังสั่นอยู่ ซึ่งความรู้สึกว่าระยะทางข้างหน้าใกล้ๆ เท่านั้นแต่เรารู้สึกว่าไกลมากๆ (เน้นเสียง) มือหนึ่งถือปืน อีกมือถือไฟฉายส่องนำทาง แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อที่ผ่านมา ตำรวจไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ดังนั้นไม่น่าจะมีใครมาดักทำร้ายเรา ที่สำคัญมีกำลัง 150 คนถ้าโดนยิงก็ไม่น่าจะตายฟรีแน่ ที่สำคัญบ้านเมืองและทรัพย์สินของประชาชนรออยู่ข้างหน้า และทนไม่ได้จริงๆที่สถานที่ต่างๆจะไหม้ไปต่อหน้าต่อตาและประชาชนเดือดร้อน”

ที่ สุดแล้วแม้ภารกิจจะผ่านพ้นไปโดยไม่มีใครเสียชีวิต แต่สิ่งที่ พ.ต.อ. ฤชากร จรเจวุฒิ เสียใจก็คือช่วยห้างบิ๊กซีไม่ทัน เนื่องจากนักผจญเพลิงบอกว่าอาคารบิ๊กซีเหมือนเป็นเตาอบ ไม่รู้ว่าจะฉีดน้ำไปด้านไหนก็เลยต้องถอย ตนอยู่ตรงนั้นจนถึงตี 4 ถึงจะสกัดแนวไฟได้แล้วถึงกลับมานอนเพราะว่า 8 โมงเช้าหลังจากนั้นประชุมเพื่อคลี่คลายปัญหาต่อ...!?!

“ถามว่าเสี่ยง ชีวิตไปแล้วได้อะไรกลับคืนมาบ้างนอกจากถูกตีตราว่าเป็นตำรวจมะเขือเทศ จริงๆ ผมขอแค่ให้ประเทศชาติและประชาชนไม่เป็นอะไร และประเทศไทยสงบดังเดิมก็เพียงพอ” นักปิดทองหลังพระผู้พิทักษ์สันติ ราษฎร์กล่าวทิ้งท้าย

มาฟังความจริงอีกฝ่ายจากปาก ของผู้บริหารของเซ็นทรัลเวิลด์อยู่ในเหตุการณ์ เผยความรู้สึกว่าก่อนหน้าจะเกิดการเผาได้มีการเตรียมถังดับเพลิง และคนเฝ้าระวังประจำ FIRE MAN ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ที่สุดแล้วก็ต้องแพ้พ่ายต่อความบ้าคลั่งของผู้ชุมนุมบางคน

“พอได้ รับข่าวแกนนำมอบตัวก็ปรากฏว่ามีเอ็ม 79 ถึง 1 ลูก  (ม็อบเทวดาไม่เคยมี เอ็ม-79 ลงไปเลย มีแต่คนอื่นโดน)ลงมาที่หน้าห้าง หลัง จากนั้นผู้ชุมนุมก็กรูเข้ามาในห้างก็กรูเข้าไปทุบกระจกอย่างบ้าคลั่ง บางคนก็ถือถังแก๊สดับเพลิงและถังน้ำมันอยู่ เริ่มทำการจุดไฟเผาห้างต่อหน้าต่อตา รปภ. และพนักงานหลายคนจะวิ่งเข้าไปดับ แต่ปรากฏว่า โดนไล่ยิง จนต้องหนี และติดอยู่ในห้าง คิดว่าต้องตาย จนกระทั่งตำรวจมาช่วยเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ” ผู้บริหารเล่า เสียงสั่นเครือด้วยความกลัว

และนี่เป็นเรื่องราว เบื้องหน้าเบื้องหลัง ภารกิจลับทั้งหมดของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในวันที่ 19 พ.ค. 53 หรือ “วันเผาเมือง” ที่นักการเมืองในสภาไม่เคยรู้ หรือถึงรู้ก็อาจจะไม่กล้าเล่า... เพราะการหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อตัวเอง...!

ที่ มา - http://www.thairath....tent/life/86712

แถมให้ มี ภาพ ด้วย อิอิ

http://forum.seritha...php?f=2&t=24984

จาก http://webboard.serithai.net/topic/14113-%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%B2-central-world-%E0%B9%84%E0%B8%AB/