วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

งง ดี ทำไม!!! คนรักชาติ สับสน เข้าใจเรื่องเขาพระวิหารไม่ตรงกัน


หยุด JBC !


โดย ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์

นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และผู้ประสานงาน ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาท เขา พระวิหาร


เคย
เขียนเรื่อง JBC ในผู้จัดการออนไลน์มาแล้ว 2 ครั้ง ไม่อยากจะย้อนกลับไปเพราะเกรงจะเสียเวลา มาเดินหน้าค้นหาความจริงกันต่อดีกว่า

ข้าพเจ้าเคยตั้งข้อสงสัยกับ JBC ไทย (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายไทย) และจับตามองมาโดยตลอด

ทำไมวันนี้คนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย จึงยังคงเรียกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่จังหวัดศรีสะเกษ ว่า พื้นที่ทับซ้อน

ทำไมหลักเขตที่ตาเมือนโต๊ด จังหวัดสุรินทร์ ที่ JBC จัดทำ จึงย้ายจากตำแหน่งเดิมเข้ามาในเขตไทยอีกเกือบ 2 กิโลเมตร (จากการรายงานการพบหลักฐานของนายวีระ สมความคิด นายแซมดิน และ นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ กับกลุ่มคนไทยผู้รักชาติ ซึ่งได้ร่วมกันถอนหลักเขตอัปยศของ JBC นั้นออกไปแล้วเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา)

ทำไมทหารไทยจึงไม่ทำหน้าที่อย่างชายชาติทหารตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ

มีใครเคยตั้งข้อสังเกตบ้างไหมว่า JBC ไทย ที่มีที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ยิ่งใหญ่เกินอำนาจใดในราชอาณาจักรไทย มาตั้งแต่ในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับนายนพดล ปัทมะ 18 มิถุนายน 2551จนมาถึงบทบาทอย่างเปิดเผยล่าสุดในร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา วันที่ 6 เมษายน 2552 ในแง่ค้ำยันการอ้างสิทธิ์ทับซ้อนที่กัมพูชาอ้าง (ดูข้อ 5 ของอ้างอิงทั้งสองแหล่ง)

โครงสร้างของ JBC ก็ทำให้บทบาททหารไทยเล็กนิดเดียว ไม่ว่าจะมาจากหน่วยไหน มีบทบาทในฐานะเพียงแค่กรรมการ ถูกครอบงำโดยประธานที่มาจากกระทรวงการต่างประเทศดังได้กล่าวมาแล้วแต่เพียงผู้เดียว

แล้ว JBC ถือกำเนิดมาได้อย่างไร

JBC ถือกำเนิดมาจาก MOU 2543 โดยอ้างว่าให้มีหน้าที่พิสูจน์ทราบหลักเขตแดน 73 หลัก ซึ่งชำรุด สูญหายตามกาลเวลา โดยมีพื้นที่ปฏิบัติการตั้งแต่หลักเขตที่ 1 ที่ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ถึงหลักเขตที่ 73 ที่บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด (ตั้งข้อสังเกตว่าเพียงพื้นที่นี้เท่านั้นนะ!)

ดูผิวเผินเหมือน JBC มิได้มีอำนาจบาตรใหญ่แต่อย่างไร แต่ดูจากคนที่จับตามอง JBC จะรู้ว่า MOU หรือบันทึกความเข้าใจปี 2543 อ้างอิงแผนที่กัมพูชามาตราส่วน 1:200,000 ตัวผู้ให้กำเนิดเป็นผู้วางฐานความคิดให้JBC JBC จึงปฏิบัติงานโดยใช้หลักการอ้างอิงแผนที่กัมพูชามาโดยตลอด

คนที่จับตามอง JBC อยู่ รู้ว่า MOU 2543 ไม่ได้ผ่านการรับฟังเสียงของประชาชน และไม่ได้ผ่านรัฐสภา และใช้พื้นฐานกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น MOU 2543 จึงเป็น ของเถื่อนตัวพ่อ เมื่อเป็นเช่นนี้ JBC จึงต้องเป็นของเถื่อนตัวลูก ตามไปด้วย อย่าว่าแต่จะถามว่ามีกฎหมายรองรับการทำงานของ JBC หรือไม่ เลย

หากจะอ้างมติรัฐสภา เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 (สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานรัฐสภา) ซึ่งมีการลงคะแนนเสียง 409:7 เสียง เห็นชอบต่อ กรอบการเจรจาสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวและกลไกอื่นๆ ภายใต้กรอบนี้ โดยคิดว่าจะทำให้แผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ของ JBC ซึ่งจะใช้แผนที่กัมพูชามาตราส่วน 1:200,000 ได้ผ่านรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา190 (2) การกระทำเช่นนั้นก็ยังผิด และควรคิดเพิกถอนมติ เพราะเป็นการกระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นการประชุมที่ขัดต่อกฎหมายและมีเจตนาแบ่งแยกราชอาณาจักร ตลอดจนมิได้กระทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 190 อย่างสมบูรณ์

ความผิดขนาดนี้ก็เหลือที่จะรับแล้ว

แต่ยังปรากฏอีกว่า JBC ถือโอกาสใช้ MOU 2543 อ้างการเข้าไปสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารซึ่งเป็นคนละพื้นที่ปฏิบัติการตามที่ MOU 2543 ระบุ รวมทั้งการไปเจรจากับกัมพูชาที่ใช้วาทกรรมว่าตนเป็นผู้ประคับประคองความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ยึดสันติและความสงบสุข แต่ไม่ทำความจริงให้ปรากฏ ว่าหากจะต้องรับมือกับพหุภาคีหรือต้องขึ้นศาลโลกตามที่ JBC และกัมพูชาขู่ กระทรวงการต่างประเทศไทยจะมีศักยภาพในการต่อสู้และต่อรองตามหลักการฑูตของตนหรือไม่อย่างไร กลับกระทำการอันสุ่มเสี่ยงหลังใช้กระบวนการทางนิติบัญญัติเป็นเครื่องมือให้มีมติอัปยศของวันที่ 28 ตุลาคม 2551 ดังกล่าว เพื่อไปปฏิบัติการเร่งรัดให้เกิดข้อตกลงทวิภาคีวันที่ 6 เมษายน 2552 ณ กรุงพนมเปญ ดังที่ข้าพเจ้าเคยวิเคราะห์ลงผู้จัดการออนไลน์ว่าข้อตกลงนี้มาแทนแถลงการณ์ร่วมฉบับนายนพดล ปัทมะ ที่ศาลปกครองกลางพิพากษาแถลงการณ์ฉบับนี้ไปแล้วว่าขัดรัฐธรรมนูญ และเป็นการใช้อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียอธิปไตยและดินแดน ดังนั้น หากข้อตกลงฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาโดยราบรื่นไปอีก เท่ากับ JBC ไทยเป็นกลไกทำให้ทั้งอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติร่วมมือกันกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 1 เพียงแค่ JBC ไทยรับข้อเสนอและคำแนะนำจากคณะทำงานในองค์การยูเนสโก ผ่านความร่วมมือทวิภาคี ให้นำเอกสารที่ยืนยันความสงบในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ภูมะเขือถึงช่องตาเฒ่าโดยประมาณ มาเป็นหลักฐานใช้ในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ส่งให้คณะกรรมการมรดกโลกพร้อมกับแผนบริหารจัดการ ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 เท่านั้นเอง นี่เป็นการเปิดเผยที่ภาคประชาชนได้ตรวจสอบพบแล้ว ปฏิบัติการในเชิงลับของ JBC ไทย เรื่องการเปลี่ยนเส้นเขตแดนและทำแผนที่ใหม่ เพิ่งถูกเปิดเผยเพียงเศษเสี้ยวเดียวของงานที่ปฏิบัติ หลังจากกลุ่มคนไทยผู้รักชาติซึ่งเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาท เขา พระวิหาร ได้พบความจริงจากหลักเขตแดนที่ปราสาทตาเมือนโต๊ด จังหวัดสุรินทร์ ในวันที่ภาคประชาชนภายใต้การนำของนายวีระ สมความคิด นายแซมดิน และนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ ไปรอรับนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่จะเดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายฮุน เซน เรียกร้องให้กูเกิ้ล เอิร์ธ เปลี่ยนภาพแผนที่แสดงเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ตรงบริเวณปราสาทพระวิหารจากเดิม

บ้านเมืองนี้บริหารกันอย่างไร ช่างงายดายเหลือเกินที่จะปล่อยให้คณะบุคคลที่อ้างว่าคือกลไก JBC ไทยไปเจรจา ไปปฏิบัติ และดำเนินการทุกอย่าง เพื่อเอาดินแดนไปแลกเนื้อแลกปลา

ทหารของชาติอย่างแม่ทัพภาคที่ 2 ของกองทัพบกไทยคงจะภูมิใจเสียละกระมังที่จะได้รับการอุปโลกน์จากการเจรจาทวิภาคีของ JBC ให้เป็นผู้กำหนด มาตราการที่เหมาะสม ร่วมกับผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ของกองทัพกัมพูชา ในการช่วยเอาดินแดนไปแลกเนื้อแลกปลา และถูกลวงให้เฝ้าแหนดินแดนที่เสียไปดังกล่าวโดยผ่านกลุ่มชายฉกรรจ์ไทยที่ต่อไปนี้เขาจะไม่เรียกตัวเองว่า ทหารกล้าแต่จะเรียกว่า ชุดติดตามสถานการณ์ชั่วคราว เขียนมาทั้งหมดนี้มีหลักฐานอ้างอิงได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะในร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา วันที่ 6 เมษายน 2552 ณ กรุงพนมเปญ และ/หรือ ในรายงานประกอบมติคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 33 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

การจะแก้ไขปัญหานั้นขอให้ช่วยกันเริ่มต้นพิจารณา JBC เถื่อน จะทำอย่างไร

MOU เถื่อน จะทำอย่างไร

และมติรัฐสภา 28 ตุลาคม 2551 ที่ให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจา เถื่อน จะทำอย่างไร

เรื่องของอธิปไตยและดินแดนไทยที่เกิดขึ้นและรวมอยู่ในปรากฏการณ์ที่เป็นปัญหา เช่น ปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ก็ดี ปัญหาการอ้างความเป็นสุภาพบุรุษและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศในการพัฒนาพื้นที่และการใช้ที่ดินร่วมกัน ก็ดี ปัญหาเรื่องเขตแดนที่อ้างว่าจะต้องมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา 73 หลัก รวมทั้งการทำแผนที่ใหม่ ก็ดี ตลอดจนปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนเรื่องพลังงานในอ่าวไทย ก็ดี ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกระบวนการบริหารจัดการบ้านเมืองอย่างเป็นบูรณาการบนพื้นฐานของหลักการและกฎหมาย ที่หากจะมีการแก้ไขปัญหา ก็จะต้องแก้อย่างเป็นระบบไม่ว่าจะใช้กลไกใด หรือกระบวนการใด ต้องถูกตรวจสอบและแก้ไขทั่งระบบและกระบวนการ

แต่สามาถเริ่มต้นได้ หากพวกเราช่วยกัน หยุด JBC ไทย เสียก่อนอื่น!

11 กุมภาพันธ์ 2553



นายวศิน ธีรเวชญาณ

สมพงษ์เล็งชงครม.ตั้งวศินเป็นปธ.เจบีซีคุยเขมร
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) จะเสนอชื่อนายวศิน ธีรเวชญาณ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล เกาหลีใต้ เป็นประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) เพื่อไปทำหน้าที่ในการเจาจาในกรอบเจเบีซีกับฝ่ายกัมพูชา โดยคาดว่าสามารถบรรจุวาระการประชุมได้ ประมาณวันที่ 27 ต.ค.นี้ เพื่อเดินหน้าเจรจา และหลังจากนั้นตนจะนัดหารือกับนายฮอร์ นัม ฮอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา แก้ปัญหาในการปักปันเขตแดนให้ชัดเจน เป็นลำดับสำหรับนายวศิน ธีรเวชญาณ เป็นนักการทูตที่มีความสามารถด้านกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อปี 2543 ก่อนที่จะมาเกษียณอายุราชการในตำแหน่งสุดท้ายคือ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา


อ.เทพมนตรี แฉ ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ ที่เป็นประธาน JBC ชื่อ นายวศิน ธีรเวชญาณ มีทัศนาคติที่ไม่ดีต่อแผ่นดินของตนเอง พยายามจะอ้างหลักฐานต่อศาลเพื่อเข้าข้างเขมรตลอดเวลา ความคิดทัศนคติที่เป็นปรปักษ์ต่อแผ่นดินไทย

นายกฯศรีธนญชัยขายชาติแห่งพรรคประชาธิเปรต


ผลงานของ “นายกฯศรีธนญชัยขายชาติแห่งพรรคประชาธิเปรต & รัฐบาลโจรเสื้อนอก” ชี้ชัด ไม่ต่างเอี้ยหางแดง

1 มีแต่แจก(ประชานิยมซื้อเสียงล่วงหน้า)

2 มีแต่กู้(อ้างโครงการไร้สาระและเอางบประมาณมาแดกกันแถมแก้กฎหมายกู้เงินอาจนำพาไปสู่หายนะทางการเงิน)

3 แต่งตั้งตำรวจเลวให้มีอำนาจประเทศชาติไร้ซึ้งความยุติธรรม

4 รัฐมนตรี ข้าราชการ สส มีแต่พวกสกปรก เช่น สุเทพ/ประวิทย์/โสภณ ซาเล้ง/พัชรวาท/เนวิน/อนุพงษ์/ปู่ชัย/แถมเอาเจ้าแม่อ่าง อบ นวดมาบริหารประเทศ คุมกระทรวงพานิชย์ฯลฯ

5 กระทรวงต่างๆมีแต่ข่าวคอรับชั่น เช่น โกงเรื่องปลากระป๋องเน่า/ข้าวสารเน่า (เน่าแล้วเน่าอีกเน่าซ้ำซาก)

6 ทุจริต นมโรงเรียน /

7 ทุจริตเครื่องชี้ระเบิด “GT 200” และเครื่องตรวจหาสารเสพติด “ALPHA 6”

ยุคทักษิณปี 48 ซื้อมาใช้ 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 2 หมื่น

ยุคสุรยุทธ์ปี 49 สั่งเพิ่มมาอีก 500 เครื่อง เครื่องละ 7 หมื่น

ยุคอภิสิทธิ์ปี 52 ซื้อเพิ่มอีก 2,000 เครื่อง เครื่องละ 1.4 ล้านบาท (แต่ยังส่งไม่ครบ 2 พันเครื่องเรื่องแตกเสียก่อน)

(สุดยอดของมหกรรมหลอกลวงต้มตุ๋น)

8 รับเงินใต้โต๊ะ 258 ล้านจากประชัย และยักย้ายถ่ายเทเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของปปช.

9 รถเมล์ 4,000 คัน(โกงแบบอุบาทมากๆหน้าด้านสุดๆ)/

10 ย้ายดอนเมือง “อนุมัติสร้างสุวรรณภูมิ”ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแต่เพื่อจะแดกกัน/

11 จะ “แปรรูปการรถไฟ”ทั้งๆที่มีกระแสต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและสัมปทานของรัฐ/

12 โครงการ “ สปก 4-01” ก็จะเอามาปัดฝุ่นและก็โกงอีกยังไม่เข็ด/

13 เรื่อง “เขาพระวิหาร”ก็โกหกประชาชนจนเขาจับได้ว่าไปเจรจาผลประโยชน์แทนทักษิณ จนฮุนเซนยกสัมปทานน้ำมันให้ต่างชาติในเขตอ่าวไทยก็ยังเฉยไม่เดือดร้อนอะไร

และ “ต้นเหตุ”ของการเสียดินแดนคือ MOU ปี 43 ลงนามโดย “นาย ชวน หลีกภัย” โดยไม่ผ่านสภา เป็นการรับรองแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000

14 ทักษิณจัดงานวันเกิดล่ารายชื่อกดดันในหลวง อภิสิทธิ์บอกจะไปเตะบอล

15 เคลือข่ายวิทยุและดาวเทียมเสื้อแดงรัฐบาลก็ปล่อยให้โจมตี สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ได้อย่างเสรี

16 วางแผนแก้กฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้พวกทักษิณและสส. เสื้อแดงหวังเงินแบ่งหลายหมื่นล้านถ้าทำสำเร็จ(คงจะยากข้ามศพพันธมิตรไปเสียก่อน)

17 ขึ้นภาษีอย่างไม่สนใจหัวใจคนในชาติว่าจะแบกภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้อย่างไร เช่น น้ำมันขึ้นเกือบ10 บาทต่อลิตร

18 ใช้สื่อของรัฐไปในทางหาเสียงโฆษณายังกับสินค้าให้รัฐบาลของตน และพูดอยู่ข้างเดียว

19 ยัดข้อหาพันธมิตรทั้งๆที่รู้อยู่แกใจว่าพันธมิตรไม่ผิดหวังจะสกัดการเมืองใหม่ อนาคตจะได้ผสมพันธุ์กับพวกหางแดง

20 เล่นละครเตือนเสื้อแดงเบ้างเป็นระยะเพื่อให้ภาพออกมาว่าเป็นกลางกับทุกฝ่ายแต่หลับตาข้างหนึ่งให้สีแดงเสมอจนกระทั้งบุก ถึงวังที่หัวหินรัฐบาลก็เฉยไม่รู้เรื่อง

21 สส. 13 คนของประชาธิปัตย์ถูกเฉือดและรอคิวอีก 40 คนจาก กกต ว่าทุจริตถือหุ้น และหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นสัมปทานของรัฐ เช่น
1 ปตท. /
2 ขสมก /
3 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น /
4 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) /
5 บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) /
6 บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) /
7 บริษัท โทเทิลแอคแซสคอมมูนิเคชั่น จำกัด /
8 ถือหุ้นบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ฯลฯ

22 สส. ประชาธิปัตย์ทุจริตโครงการ “ชุมชนพอเพียง”

23 โกงคอมพิวเตอร์โรงเรียน (เครื่องละ 60,000 บาท)

24 กระทรวงสาธารณสุข ล็อกสเปค 3 ครุภัณฑ์ เอื้อเอกชน เครื่องดมยา - ตรวจหัวใจ – ตรวจสารชีวเคมีในเลือด

25 สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ก็ถูกเปิดโปง ความไม่ชอบมาพากล ในการใช้ “งบประชาสัมพันธ์”ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

26 ผู้ใหญ่ ร.ฟ.ท.สั่งหยุดเดินรถไฟเพื่อดิสเครดิตสหภาพฯเปิดทางรัฐบาลเข้าแปรรูป(รัฐบาลประชาธิปัตย์เลวไม่ต่างอะไรกับ รัฐบาลทักษิณ)

27 รัฐบาลประชาธิปัตย์เจรจากับประเทศสมาชิกเพื่อเปิดเสรีการลงทุนในอาเซียนทางภาคเกษครกรรม(ACIA) 3 สาขา ได้แก่

1การเพาะขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช

2 การทำประมงและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

3 การทำป่าไม้จากป่าปลูก

(เป็นการเร่งให้เกิดการกว้านซื้อและเช่าพื้นที่เกษตรกรรมและกลุ่มทุนต่างชาติเข้าไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรม / การจดสิทธิบัตรจากสายพันธุ์พืชไทย
ในขณะที่มีบริษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติรายหนึ่งกำลังผลักดันกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชเพื่อไม่ให้แบ่งปันผลประโยชน์กับรัฐและชุมชน)
ซึ่งจะบังคับใช้ในปี 2553 เท่ากับเป็นการทำลายเกษตรกรและคนส่วนใหญ่ของประเทศ
(ข้อนี้เลวมากจริงๆจะขายชาติขายแผ่นดินไปถึงไหน)

28 เปิดเอกสารจับโกหก “เทพเทือก” เป็นผู้สั่งจ่ายเงินงวดสุดท้าย เอี่ยว “ทุจริตจักรยานยนต์ไทเกอร์” กว่า 429 ล้านบาท ขณะที่เจ้าตัวทำมึนงง อ้างเรื่องเกิดก่อนเป็น รองนายกฯ

29 นายสุเทพในฐานะประธาน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ละเมิดกฏหมาย คว่ำมติ ปปช.
กรณีชี้มูลความผิดนายตำรวจ 3 นายในคดีสลายม็อบ7ตุลาคม ซึ่งคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมติยืนยันแล้วว่า ก.ตร.ไม่มีสิทธิโต้แย้งมติป.ป.ช.เหมือนมีคำสั่งประหารชีวิตไปแล้ว แต่มาเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้
(การกระทำอย่างนี้ถือว่านายสุเทพและรัฐบาลเป็นผู้ทำลายกระบวนการยุติธรรมอย่างเลวร้ายที่สุด)

30 มอมเมาประเทศชาติด้วย “หวยออนไลน์”เป็นอบายมุขทั้งๆที่พันธมิตรได้เคยต่อสู้กับทักษิณมา ยุครัฐบาลประชาธิปัตย์ มีมติอนุมัติหน้าตาเฉยเลย ล่าสุดไม่เห็นด้วยทำไมไม่แสดงความเห็นคัดค้านตั้งแต่แรก ( เบื้องหลังรัฐเบรกหวยออนไลน์ 1) กลัวท่อน้ำเลี้ยงแห้ง 2) ยี่ปั๊วรายใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์มายาวนานเสียประโยชน์ )

31 “กอร์ปศักดิ์”เลิกขวางขายข้าวโพด แต่กว่าจะจบรัฐเสียหาย 5 พันล้าน ( เจ็บปวดจริงๆเงินภาษีประชาชนทั้งนั้น)

32 เผยแผ่นซีดี “รักหรือทำลาย ประเทศไทย”โจมตีเหมารวมทั้งคนเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แจกบนที่ว่าการอำเภอถลาง เป็นฝีมือของรัฐบาลชัดเจน

33 กรณีการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูง จำนวน 232 คัน ตามสัญญาเลขที่ 11/2549 ของกระทรวงสาธารณสุข ถังออกซิเจน-ชุดปรับความดันในรถพยาบาลฉุกเฉินฉาวของกระทรวงสาธารณสุข นำเข้าไม่ผ่าน อาหารและยา เตรียมดำเนินคดีบริษัทฐานนำเข้าเครื่องมือแพทย์ที่ห้ามนำเข้า จำคุก 5 ปี ปรับ 2.5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

34 ขึ้น “ค่าโทลเวย์แพง”เกินเหตุเอื้อประโยชน์เอกชน ขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน ล่าสุด ( มูลนิธิเพื่อ ผู้บริโภคร่วมมือนักกฎหมาย ฟ้องกรมทางหลวง รมต.คมนาคม และคณะรัฐมนตรี ต่อศาลปกครอง ให้เพิกถอนสัญญาสัมปทานกรณีโทลล์เวย์ )

35 กรณี “มาบตาพุด” จน สภาทนายความฯ ออกแถลงเตือนรัฐบาลและเอกชนอย่าข่มขู่ประชาชน บิดพลิ้วไม่ปฏิบัติตาม
คำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้เร่งแก้ปัญหามลพิษมาบตาพุด เตรียมยื่นคำร้องละเมิดอำนาจศาล สร้างความแตกแยกและมีแต่จะเอาชนะประชาชน( ประชาชนมาก่อนหรือประชาชนตายก่อนอยากขอถามรัฐบาล)

36 นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการสอบสวนการ “ทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข”แถลงผลการสอบสวนว่า การจัดตั้งงบประมาณของโครงการนี้ มีพฤติกรรมพยานหลักฐานทำให้เกิดการทุจริตจริง ได้แก่ การขอตั้งงบประมาณสิ่งก่อสร้าง ครุภัณฑ์การแพทย์ และรถพยาบาล ราคาตั้งไว้สูงเกินจริง ซึ่งส่อเจตนาการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากไม่สามารถปัดความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้บริหาร ถือว่ามีส่วนเปิดช่องทางให้มีการทุจริต นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการไทยเข้มแข็ง แต่มีพฤติกรรมก้าวก่าย ล้วงลูก กดดัน ให้มีการจัดสรรงบประมาณเกินจำเป็น ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ( เวรกรรมเห็นทันตา )

37 ครม.เห็นชอบแผนปฎิรูป ร.ฟ.ท. แถมได้งบเพิ่มจาก 1 แสนล้านบาทเป็น 1.5 แสนล้านบาท ตีตกความเห็น สศช.เสนอตั้งกรมรถไฟหลวง แยกงานโครงสร้างพื้นฐาน ทำแบบก้าวกระโดดเพื่อทำลายสหภาพฯ จากนั้น ครม.สั่ง ร.ฟ.ท.ทำรายละเอียดแผนลงทุนแต่ละโครงการภายใน 45 วัน สบช่องสั่งเดินหน้าตั้งบริษัท ลูกแอร์พอร์ตลิ้งค์ (ตั้งหน้าตั้งตาแดกกันจริงๆ)

38 ทุจริต “การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์” ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข็มแข็ง (SP2) ปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วิทยาลัยอาชีวศึกษา 415 แห่งมีมติร่วมกันที่จะไม่รับวัสดุครุภัณฑ์การฝึก ราคาแพงเกินจริง ครุภัณฑ์ด้อยคุณภาพไม่ตรงความต้องการใช้ในการเรียนการสอน(เวรกรรมมีจริง)

39 กรณี “มาบตาพุด” นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นศาลปกครองสูงสุดฟ้องนายอภิสิทธิ์และครม.ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานฯ ขอไต่สวนฉุกเฉินและคุ้มครองชั่วคราว ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ.2553 พร้อมขอเพิกถอนคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการ หรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง และ ยังไม่เคยถามความเห็นประชาชนก่อนออกกฎหมาย คณะกรรมการประสานงานฯชุดนี้ โดยส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นบุคคลจากทางภาครัฐและไม่มีภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม (เลวมากเห็นประชาชนเป็นผักเป็นปลา)

40 ผลสอบ สตง. ระบุชัด ปตท.ยังส่งคืนสมบัติแผ่นดินให้กระทรวงคลังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โกงท่อก๊าซฯบนบกและในทะเลมูลค่ารวม 32,613 ล้านบาท คุณ รสนา"ได้ส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช และอธิบดีกรมธนารักษ์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2553 ที่ผ่านมา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ติดตามเรียกคืนทรัพย์สินจาก ปตท เพิกเฉยเจอม.157 ข้อหาละเว้น
“ครม.อภิสิทธิ์”ทราบเรื่อง ตั้งแต่ปลายเดือนธ.ค.ปีที่แล้วแต่ทุกฝ่ายกลับอุบเรื่องเงียบ ( รัฐบาลนี้ไม่มีความแตกต่างจากรัฐบาลทักษิณออกกฎหมายเพื่อล้มล้างความผิดของตนเอง และมีผลบังคับใช้ 3 วันก่อนมีคำพิพากษา )

41 โกงเรื่องต่อสัญญาช่อง 3 รับเงินใต้โต๊ะ รู้เห็นเป็นใจโดยข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ชงเรื่องให้นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณาว่า ไม่ต้องนำเรื่องการต่อสัญญาช่อง 3 นี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด เพื่อ จะได้หลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติร่วมทุนนั่นเอง เพื่อให้ อสมท สามารถจัดการเองได้ทันที นายสาทิตย์ได้ลงนามไปเรียบร้อยแล้วว่า ไม่ต้องนำเรื่องเข้าสู่การประชุม ครม.และการที่ อสมท ต่อสัญญาให้ ช่อง 3 อีก 10 ปี ซึ่งจะครบสัญญาในปี 2563 ส่งผลให้อสมท จะขาดรายได้ถึงกว่าหมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน(สื่อชั่ว +รัฐบาลเลว )

42 โกง “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” อ้างหน้าด้านๆ น้ำมันขึ้นราคา ทั้งที่มีค่าเค ลดงบรื้อถอนสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มงบค่างาน หาเงินด้วยการโกงบ้านกินเมืองนับหมื่นล้าน “อภิสิทธิ์”แค่เซ็น รับทราบ แต่ปล่อยให้สร้างต่อ เท่ากับหลับตาร่วมกันโกง (นายกฯอภิสิทธ์ชักทำตัวเหมือนศรีธนญชัย)

43 นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟสบุ้ค โดยกล่าวพาดพิงทำลายพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่อย่างชัดเจนทำให้เกิดความเสียหายและเข้าใจผิด แถมยังมาปล่อยข่าวปั่นหุ้นดาวเทียมไทยคม
ล่าสุดออกมาโพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์เฟสบุ้คนายกฯ โดย กล่าวคำที่ปกปิดความจริง เล่นคำ ตัดสาระสำคัญในเอกสาร หลอกลวง คนไทยทั้งชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แผนที่เติม (s) และ เรื่อง แผนที่ 1:200,000 ทุกฉบับ แล้วยกเว้น เฉพาะแผนที่ 1:200,000 บริเวณปราสาทพระวิหาร ทั้งๆที่ในเอกสารไม่ได้ระบุ “ข้อยกเว้น”ตามที่ นายศิริโชค โสภา พยายาม “ผายลม” ออกมาแต่เป็นการตีความเอาเองโดยฝ่ายเดียวแบบศรีธนญชัย เพราะใน เอกสาร MOU 2543 ชี้ชัดเจน ว่ายอมรับแผนที่ฝรั่งเศษจัดทำขึ้น

44 อ้างเรื่อง “โรดแมป” มาบังหน้า แผนปรองดองก็คือแผนยกประเทศให้โจร เหตุเพราะ
1 สามารถใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้เต็มปี และสามารถจัดสรรงบประมาณในปีหน้า
2 โยกย้ายข้าราชการได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ ทหารและตำรวจ
3 สามารถใช้เวลานี้สมคบกับนักการเมืองทุกฝ่ายแก้ไขกติกา รัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเองทั้งสิ้น (รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรค)

45 ทุจริตโครงการเช่าระบบการให้บริการประชาชนด้านการ “ทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่”วงเงิน 3.4 พันล้านบาทแก้ไขทีโออาร์เพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนบางราย

46 ทุจริตโครงการ “ถนนปลอดฝุ่น” (ถนนไร้ฝุ่น) หนึ่งในโครงการไทยเข็มแข็ง ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 3.4 หมื่นล้านบาท

47 ทุจริตงบ “ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน” โดยเฉพาะงบภัยหนาวที่จังหวัดใช้เงินทดลองราชการได้ครั้งละ 1 ล้านบาท

48 ทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอที่ระบุว่ามี “ข้อสอบรั่ว” ช่วยเหลือ 140 ปลัดให้สอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอแลกกับการแลกผลประโยชน์รายละกว่าล้านบาท เพราะเป็นไปไม่ได้ 140 คนตอบข้อสอบเหมือนกันทุกข้อ

49 กรณี “การซื้อขายตำแหน่ง” ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องจ่าย 20 ล้านบาท รองผู้ว่าฯจ่าย 17 ล้านบาทและถ้าเป็นนายอำเภอ 10 ล้านบาท

50 นโยบายรัฐที่เข้าไปแทรกแซงควบคุมปริมาณการเลี้ยงไก่ไข่ ทำให้เกิดการผูกขาด ทำลายเกษตรกรรายย่อยจนพินาศชิบหายหมดอาชีพ จนกลายเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างข้าราชการและทุนใหญ่ 9 ราย ดังต่อไปนี้
1 บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
2 บจก. อาหารเบทเทอร์
3 บจก. แหลมทองฟาร์ม
4 บจก. ฟาร์มไก่พันธุ์เกิดเจริญ
5 บจก.ฟาร์มกรุงไทย
6 บจก.ยูไนเต็ดฟีดดิ้ง
7 บจก.ยู่สูงอาหารสัตว์
8 บจก.สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี
9 หจก. อุดมชัยฟาร์ม

ล่าสุด เกษตรกร 113 ราย ได้รวมตัวยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลได้รับคำร้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 522/2553 แล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนว่า มีคำสั่งทางปกครองที่ทำให้เกิดการผูกขาดละเมิดรัฐธรรมนูญ

51 ทุจริต “มอเตอร์เวย์”บางประอิน-โคราช 5.9 หมื่นล้าน ภาคประชาชนขู่ฟ้องศาลปกครองคระงับโครงการ ส่อพิรุธงบเดิม 2 หมื่นล้านพรวดเป็น 5.9 หมื่นล้าน

52 ทุจริต “ถนนเขาใหญ่” ล่าสุดกรมป่าไม้เตรียมเอกสารหลักฐานยื่นฟ้องร้องกรมทางหลวงและองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) แล้ว และจะยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

53 มหาดไทยส่อพิรุธ!! ปรับลดงบฯ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) “หมื่นล้านประเคน ส.ส.ทำโครงการ” กระทรวงมหาดไทยจะนำเงินจำนวน 1 หมื่นล้านบาทที่มีการปรับลดนั้นไปจัดสรรเอาไว้ในส่วนขององค์กรกรปกครองส่วนท้องถิ่นตามโครงการก่อสร้างถนนไร้ฝุ่น และก่อสร้างลานกีฬาเพื่อสร้างสังคมไทยเป็นสุข ปีงบประมาณ 2554 กระจายลงไปในทุกพื้นที่ การนำเงินส่วนนี้มาจัดสรรให้กับพื้นที่ของ ส.ส. งบท้องถิ่นควรปล่อยให้ท้องถิ่นบริหารกันเอง
ซึ่งอาจจะทำให้ “ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 265 และ 266” ที่กำหนดไม่ให้ใช้สถานะหรือตำแหน่ง ส.ส.เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง

54 ฉีกหน้ากาก!!คณะกรรมการฯแก้ไขปัญหามาบตาพุดชุด “นายอานันท์” ยัดเยียด 18 ประเภทโครงการส่ง “ผลกระทบรุนแรง”ให้ “นายอภิสิทธิ์” ประกาศใช้
การดำเนินการที่ “ขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์” ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 มาตรา 67 วรรคสอง โดยชัดแจ้ง รวมทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2552 อีกทั้งยัง “ไม่มีกฎหมายฉบับใด” มารองรับอำนาจการประกาศประเภทโครงการทั้งหมด
(ช่วยเหลือนายทุน ขาดจิตสำนึก ประชาชนจะตายช่างหัวมัน เลวได้ใจจริงๆรัฐบาลประชาธิปัตย์)

55 “มาร์ค”แอนด์เดอะแก๊งค์ ร่วมกัน “ปล้นชาติ 2.07 ล้านล้านบาท” ได้ “งบประมาณปี54” ผ่านขาดลอย
หนี้สาธารณะมากถึง 4.5 ล้านล้านบาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การปล้นชาติปล้นแผ่นดิน (ขออำนวยอวยพรให้ได้ลงนรกอเวจี)

56 สั่งให้ปลดคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ตำแหน่งผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพราะ รัฐบาลประชาธิเปรตกำลังถูกตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น

57 เขมรดูหมิ่นเหยียดหยามบุรพกษัตริย์ไทย "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" "อภิสิทธิ์"ยังเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว(ผู้นำเลว)

58 ออกหมายเรียกพันธมิตร 79 คน คดีระหว่างสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฟ้องชุมนุมปิดสนามบิน (รัฐบาลประชาธิเปรตอยู่เบื้องหลังการออกใบสั่งชัดเจน!!)

59 ทุจริต!! เอื้อเอกชนไม่เป็นไปตามทีโออาร์เจตนาโกง 3,490 ล้านบาท กับบริษัท คอนโทรล ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัดโครงการเช่าคอมพิวเตอร์เพื่อจัดทำระบบให้บริการประชาชน ทางด้านการทะเบียน และทำบัตรประชาชนแบบใหม่ ของกรมการปกครอง

60 คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบพบการทุจริตในสำนักงานการอาชีวศึกษา กรณีเปิดประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องกว่า 136 โครงการ มูลค่า 5,300 ล้านบาท (ตั้งหน้าตั้งตาแdกกันเต็มที่)

61 กรณีที่ นาย “ชุมพล กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์” ถูกองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน มีคำพิพากษาคดีที่ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเองหรือคู่สมรส หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ม.263 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ( ป.ป.ช. ) พ.ศ.2542 ม.119 โดยป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายชุมพล เมื่อวันที่ 26 พ.ย.52 ว่า ปกปิดข้อเท็จจริงในบัญชีหนี้สินของตัวเอง 13 ครั้ง ตั้งแต่เป็น ส.ส.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2540 โดยพบว่ามีการปกปิดหนี้สินของตัวเองในบริษัทแห่งหนึ่งเป็นจำนวนหลายบัญชี
(ส่วนนาย แสงโรจน์ กาญจนะ ลูกชายนายชุมพล ก็ก่อคดีอุกฉกรรจ์ในท้องที่ สภ.อ.เมืองสุราษฎร์ธานีหลายคดี เช่น สับกุญแจมือข่มขืนแด็กนักเรียนอาชีวศึกษาหลานสาวตำรวจยศ พ.ต.ท.ขึ้นรถพาไปขืนข่นที่บ้านพัก / ก่อเหตุดวลปืนยิงตำรวจ สภ.อ.พุนพิน ที่ชาร์กี้ผับ / ใช้อาวุธปืนยิง นายกิตติ วิเศษสมบัติ พนักงานขับรถสำนักงานสรรพากร ภาค 11 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต / ก่อคดีข่มขืนวิตถารสาวพม่าจนไส้แตก แล้วแถมด้วยการฆ่าปิดปากจักรยานยนต์รับจ้างที่เข้าไปช่วยนำเหยื่อสาวชาวพม่าไปส่งโรงพยาบาล )

62 พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์หุ่นเชิด, กระทรวงการคลัง, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีไอซีที ที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ มีความพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยม พลิกวิธีหลายตลบ หาเศษหาเลยจากการประมูล 3G
จนศาลปกครอง ต้องสั่งระงับการประมูลเพราะทำผิดกฎหมาย มันก็ยังจะหน้าด้านหาวิธีแdกให้ได้
ล่าสุด ครม.อนุมัติ เงินงบประมาณ 1.9 หมื่นล้าน ให้ “ทีโอที” ตั้งบริษัทลูกขยายโครงข่าย 3จี สุดยอดวิชาโกงกินชาติจริงๆ

63 คดีการก่อการร้าย คดีล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และลงขันรุมฆ่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็กลายเป็นเพียงแค่ “ละครน้ำเน่า” ที่ทำให้ดูขึงขังหลอกประชาชนเท่านั้น

ผลของกรรมเริ่มทำงานแล้ว “นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะมีกำลังมากยิ่งกว่าอานุภาพแห่งกรรมดีและกรรมชั่วไปได้เลย”
.
.
.
แซ่บอีหลี